วันพฤหัสบดีที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

รปภ.ห้างดัง เมืองพัทยา ถูกใช้ล้างบ่อเกรอะลึก 5ม. ขาดอากาศตาย เพื่อนลงไปช่วยร่อแร่


เมื่อเวลา 00.15 น. วันที่ 23 พฤษภาคม    ผู้สื่อข่าว หนังสือพิมพ์ข่าวสด รายงานว่า  พ.ต.ท.ภัคศา เดชภาคย์กุล พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งจาก ร.พ.พัทยาเมโมเรียล ว่ามีคนเสียชีวิต และบาดเจ็บเนื่องจากขาดอากาศหายใจมาทำการรักษาที่โรงพยาบาล เหตุเกิดภายในศูนย์การค้าเซ็นทรัล เฟสติวัล พัทยาบีช ริมชายหาดพัทยากลาง หมู่ 9 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงนำกำลังตำรวจเดินทางไปตรวจสอบ


 ภายในห้องฉุกเฉินพบศพนายสุรเดช นุชผ่อง อายุ 37 ปี พนักงานรักษาความปลอดภัยของบริษัท G4S จำกัด อยู่บ้านเลขที่ 50/11 หมู่ 5 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง สภาพศพนอนเสียชีวิตอยู่ในสภาพตัวขาวซีด เสื้อผ้าเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบเศษสิ่งปฏิกูล ส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้ง ตามร่างกายไม่พบบาดแผลหรือร่องรอยการถูกทำร้าย คาดว่าน่าจะเสียชีวิตมาแล้วไม่เกิน 1 ชั่วโมง นอกจากนี้  ยังพบผู้บาดเจ็บทราบชื่อนายเสกสรร คุ้มสุวรรณ อายุ 25 ปี ชาว จ.มหาสารคาม เบื้องต้นสภาพขาดอากาศหายใจ แต่แพทย์ได้ช่วยเหลือจนอาการดีขึ้นจนพ้นขีดอันตรายแล้ว

 สอบปากคำนายเสกสรร ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุมีผู้บริหารของศูนย์การค้าเซ็นทรัล เฟสติวัล  ได้ใช้นายสุรเดช ผู้ตาย ให้ลงไปขุดลอกท่อน้ำทิ้งบริเวณลานจอดรถชั้น 1  ซึ่งบ่อดังกล่าวมีความลึกประมาณ 5 เมตร กว้าง 90 ซม. และมีน้ำลึกประมาณ 60 ซม. แต่เนื่องด้วยมีก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์ที่เกิดจากน้ำเสีย จึงทำให้นายสุรเดช ขาดอากาศหายใจแล้วเกิดเป็นลมจมลงไปในน้ำ ตนกับเพื่อน รปภ.เห็นท่าไม่ดีจึงรีบลงไปช่วยและเกิดสูดดมแก๊สเข้าไปจนเกือบหมดสติ กระทั่งเพื่อนๆ พนักงานมาช่วยและรีบนำตัวส่ง ร.พ.พัทยาเมโมเรียล แต่นายสุรเดช อาการค่อนข้างสาหัสทำให้เสียชีวิตในเวลาต่อมา

 ภายหลังการสอบสวนเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้เรียกผู้บริหารของศูนย์การค้าฯ และพยานที่อยู่ในเหตุการณ์มาทำการสอบปากคำเพื่อหาสาเหตุของการเสียชีวิต หากพบว่า  เป็นความประมาทของผู้บริหารจะได้แจ้งข้อหาและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

วันอาทิตย์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ชมคลิปนัดอำลาของ เดวิด เบ๊กแฮม น้ำตาท่วมสนาม!

ชมคลิปนัดอำลาของ เดวิด เบ๊กแฮม น้ำตาท่วมสนาม!




เดวิด เบ๊กแฮม อำลาสนามพร้อมคราบน้ำตาในการเล่นให้เปเอสเช พบ แบรสต์ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา
มิดฟิลด์วัย 38 ดึงดูดแฟนบอล สื่อมวลชนทั่วโลก มาอยู่ที่สนามปาร์ก เดอ แปรงซ์ กรุงปารีส เพราะเป็นการลงเล่นในนัดสุดท้ายของอาชีพค้าแข้งก่อนแขวนสตั๊ด ในเกมในบ้านเป็นนัดสุดท้ายของเปเอสเช โดยนัดนี้เบ๊กแฮม ได้รับเกียรติสวมปลอกแขนกัปตันทีม ลงเล่นพบกับทีมท้ายตารางอย่างแบรสต์ โดยวิกตอเรีย ภรรยา รวมทั้ง บรู๊กลีน,โรเมโอ,ครู๊ซ และ ฮาร์เปอร์ ลูกๆ ก็นั่งชมเกมในนัดนี้ด้วย
โดยตลอดเกม เบ๊กแฮม ได้รับเสียงตะโกนเรียกชื่อแฟนบอลอย่างกึกก้อง และหลังจากถูกเปลี่ยนตัวออก นักเตะในสนาม แฟนบอล พากันเรียกชื่อ ปรบมือให้กับเบ๊กแฮม ดังกระหึ่มไปทั่วสนาม ส่วนเพื่อนร่วมทีมก็เข้ามากันจับมือ โอบกอด ก่อนออกจากสนามไปด้วย และทำให้อดีตกัปตันทีมชาติอังกฤษถึงกับหลั่งน้ำตาออกมา
“ผมอยากกล่าวขอบคุณทุกคนในปารีส ทั้งเพื่อนร่วมทีม สต๊าฟ และ แฟนบอล มันเป็นความรู้สึกที่พิเศษสุดที่ได้ยุติอาชีพค้าแข้งที่นี่ ไม่มีอะไรที่ยอดเยี่ยมไปกว่านี้อีกแล้ว ผมคิดว่านี่เป็นช่วงเวลาที่ถูกต้องที่สุดสำหรับการอำลาอาชีพที่ผมรัก ผมภูมิใจที่ได้อำลาอาชีพพร้อมกับการเป็นแชมป์ร่วมกับปารีส ช่วงเวลาหลายเดือนนับจากนี้ผมคงใช้เวลาที่มีความสุขอยู่กับครอบครัวของผม” เบ๊กแฮม กล่าว
โดยในเกมนี้ เปเอสเช ที่คว้าแชมป์ไปแล้ว เอาชนะ แบรสต์ ไปได้ 3-1 ประตู
ที่มา-sportclassic.in.th 


วันเสาร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

สถานะ การเมือง ของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รับราชการ ‘ทหาร’


 มติของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 7 ต่อ 2 รับข้อร้องเรียนของ 134 ส.ส.ให้พิจารณาสมาชิกภาพการเป็น ส.ส.ของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

 เป็น “เรื่องร้อน” อีกเรื่อง 1 ในทางการเมือง

 คงจำกันได้ว่า คำสั่งอันเกี่ยวกับการเข้ารับราชการของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ออกโดย กระทรวงกลาโหมนั้นเป็นเรื่องรุนแรง แหลมคมเป็นอย่างมาก

 เป็นคำสั่งที่ไม่ยอมรับการเป็นข้าราชการทหารของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

 เรื่องนี้ไม่เพียงแต่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้นำความขึ้นฟ้องร้องต่อศาลปกครองกล่าวหาว่าเป็นคำสั่งอันมิชอบ

 และศาลปกครองก็รับเรื่องไว้พิจารณา

 นอกจากนั้น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยังนำเรื่องเดียวกันนี้ยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ด้วย

 ทุกอย่างยังคาราคาซังอยู่

 สภาพคาราคาซังเกี่ยวกับคำสั่งกระทรวงกลาโหมที่อยู่ในศาลปกครอง ที่อยู่ในคณะกรรมการป.ป.ช.มีความแตกต่างกับที่ศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่องไว้พิจารณา

 แตกต่างตรงกระบวนการพิจารณาและวินิจฉัย

 กระบวนการของศาลปกครองเป็นอย่างไร นับแต่ศาลปกครองรับเรื่องไว้ก็ไม่มีใครทราบรายละเอียดและไม่ทราบว่าจุดสิ้นสุดอยู่ตรงไหน เมื่อใด

 เช่นเดียวกับ กระบวนการของคณะกรรมการป.ป.ช.ก็ไม่รู้ว่าคืบหน้าไปแค่ไหน

 ตรงกันข้าม กระบวนการของศาลรัฐธรรมนูญมีความแจ่มชัดมากกว่า เพราะพลันที่รับเรื่องก็มีคำสั่งให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้ถูกร้องต้องยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญ ภายใน 15 วันนับแต่วันได้รับหนังสือแจ้ง

 พอจะมองออกว่าระยะเวลาเป็นอย่างไร

 ความจริง คำสั่งกระทรวงกลาโหมนั้นพุ่งเป้าไปยังประเด็นของการใช้เอกสารอันเป็นเท็จเพื่อเข้ารับราชการเป็นสำคัญ

 เอกสารอันเป็นเท็จนั้นคืออะไร

 หากติดตามกระบวนการสอบของกระทรวงกลาโหมก็จะประจักษ์ว่า เป็นเอกสารว่าได้เข้ารับการเกณฑ์ทหารทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงมิได้เป็นการเกณฑ์ทหารอย่างแท้จริง

 กระทรวงกลาโหมยืนยันว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่เคยเข้ารับการเกณฑ์ทหาร

 เมื่อเป็นเช่นนี้ในความเห็นของคณะกรรมการที่กระทรวงกลาโหมแต่งตั้งคือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ใช้เอกสารอันเป็นเท็จเข้ารับราชการทหาร

 การเป็นทหารของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จึงไม่เป็นจริง

 ไม่ว่าจะเป็นการพิจารณาของศาลปกครอง ศาลรัฐธรรมนูญ หรือป.ป.ช. ล้วนอยู่ในสายตาประชาชน

 ไม่ว่าจะเห็นว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่ผิด ไม่ว่าจะตั้งต่อความสงสัย ความชอบธรรมของคำสั่งกระทรวงกลาโหม ล้วนสำคัญและมีผลสะเทือนเป็นอย่างสูง

 สะเทือนต่อมาตรฐานแห่งความยุติธรรม

จุดอ่อนคนไทย 10 ประการ

จุดอ่อนคนไทย 10 ประการ

ทวี มีเงิน

เสาร์นี้มีผู้ใหญ่ในแวดวงตุลาการที่เคารพนับถือส่งรายงานของวุฒิสภาวิเคราะห์จุดอ่อนคนไทย 10 ประการให้อ่านเล่นเห็นว่าน่าสนใจจึงเอามาให้อ่านเป็นข้อคิดดังนี้

ข้อ 1. คนไทยรู้จักหน้าที่ตัวเองต่ำมาก โดยเฉพาะหน้าที่ต่อสังคม มือใครยาวสาวได้สาวเอาเกิดเป็นธุรกิจการเมือง ธุรกิจราชการ ธุรกิจการศึกษา ทำให้ประเทศชาติล้าหลัง

2. การศึกษาไม่ทันสมัย คนไทยเก่งแต่ภาษาตัวเองทำให้ขาดโอกาสแข่งขันกับต่างชาติในเวทีต่างๆ ไม่กล้าแสดงออก ขี้อายไม่มั่นใจในตัวเอง เราจึงตามหลังชาติอื่น คนรวยจะส่งลูกเรียนเมืองนอก เพื่อโอกาสที่ดีกว่า

3. คนไทยกว่า 70% ทำงานแบบไร้อนาคตทำแบบวันต่อวัน แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปวันๆ น้อยคนที่จะทำงานเป็นระบบ เป็นขั้นเป็นตอน มีเป้าหมายอนาคตชัดเจน 


4. ไม่จริงจังในความรับผิดชอบต่อหน้าที่ ทำแบบผักชีโรยหน้าทำด้วยความเกรงใจ ต่างจากคนญี่ปุ่นหรือยุโรป ที่ให้ความสำคัญกับสัญญาหรือข้อตกลงอย่างเคร่งครัด ซึ่งเป็นความ เชื่อถือในระยะยาว 

5. การกระจายความเจริญยังไม่เต็มที่ ประชากร 60-70% ที่อยู่ห่างไกลขาดโอกาสในการพัฒนาคุณภาพชีวิตตัวเองและชุมชน


6. การบังคับใช้กฎหมายไม่เข้มแข็ง ไม่ต่อเนื่อง ทำแบบลูบหน้าปะจมูกไม่จริงจัง การใช้กฎหมายกับผู้มีอำนาจและบริวาร ทำแบบเอาตัวรอดไม่มีมาตรฐาน ข้อนี้กระบวนการยุติธรรมจะต้องปรับปรุง


7. สังคมไทยไม่เป็นสุภาพบุรุษ อิจฉาตาร้อน ยกย่องคนมีอำนาจ มีเงิน โดยไม่สนใจภูมิหลังโดยเฉพาะคนที่ล้มบนฟูกจะไปเกาะผู้มีอำนาจเอาตัวรอด คนไทยดีแต่พูดมือไม่พายเอาเท้าราน้ำ ทำให้คนดีไม่กล้าเข้ามากลัวเปลืองตัว

8. เอ็นจีโอค้านลูกเดียว บ่อยครั้งที่เราเสียโอกาสมหาศาลเพราะการค้านอย่างหัวชนฝาไม่คุยกันด้วยเหตุผล

9. ยังไม่พร้อมในเวทีโลก เรายังขาดทักษะขาดทีมเวิร์กที่ดีทำให้สู้ประเทศเล็กๆ อย่างสิงคโปร์ไม่ได้
10. เลี้ยงลูกไม่เป็น เด็กไทยขาดความอดทน ไม่มีภูมิคุ้มกันเป็นขี้โรคทางจิต ไม่เข้มแข็ง เราเลี้ยงลูกแบบไข่ในหิน ไม่สอนลูกให้ช่วยตัวเอง ต่างกับชาติที่เจริญแล้ว เขาจะกระตือรือร้นช่วยตัวเอง ขวนขวายแสวงหา ค้นหาตัวเอง และเขาจะสอนให้สำนึกรับผิดชอบต่อสังคม

อ่านแล้วอย่าเพิ่งท้อ แต่ควรเอามาแก้ไขเพื่อประโยชน์ตัวเองและประเทศชาติต่อไป 

วันพุธที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ครั้งแรกของประเทศไทยที่ประกาศถอดตรวน


 นายกฯ เป็น ปธ.พิธีประกาศถอดตรวนนักโทษบางขวาง

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมตรี เดินทางไปยังเรือนจำกลางบางขวาง จ.นนทบุรี เพื่อเป็นประธานในพิธีวันประกาศถอดตรวนผู้ต้องขังตามคำเชิญของ พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ซึ่งทางรัฐบาลให้ความสำคัญด้านสิทธิมนุษยชนของผู้ต้องขัง
        ทั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกของประเทศไทยที่จะประกาศถอดตรวน หรือยกเลิกใช้ตรวนกับผู้ต้องขังที่ถูกควบคุมอยู่ภายในเรือนจำ และทัณฑสถานทั่วประเทศ เพื่อสร้างหลักประกันความมั่นคงในศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ โดยไม่เลือกปฏิบัติและการละเมิดสิทธิมนุษยชนในทุกรูปแบบ โดยการถอดตรวนในครั้งจะทำให้ผู้ต้องขังสามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้อย่างอิสระภายในบริเวณที่คุมขัง

        จำนวนผู้คุมขังที่อยู่ในเรือนจำที่ต้องโทษประหาร และจำคุกตลอดชีวิต มีอยู่ประมาณ 800 คน ซึ่งครั้งนี้จะถอดตรวนก่อนประมาณ 500 คน ซึ่งเป็นนักโทษมีพฤติกรรมดี



 เวลาประมาณ 15.30 น.วันนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปยังเรือนจำกลางบางขวาง ตามคำเชิญของ พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เพื่อเป็นประธานในพิธีวันประกาศถอดตรวนผู้ต้องขัง ตามนโยบายของรัฐบาล ที่เห็นความสำคัญด้านสิทธิมนุษยชนของผู้ต้องขัง ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกของประเทศไทย ที่จะประกาศถอดตรวน หรือยกเลิกใช้ตรวนกับผู้ต้องขังที่ถูกควบคุมอยู่ภายในเรือนจำ และทัณฑ์สถานทั่วประเทศ หลังกรมราชทัณฑ์เห็นว่า เพื่อสร้างหลักประกันความมั่นคงในศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ โดยขจัดการเลือกปฏิบัติและการละเมิดสิทธิมนุษยชนในทุกรูปแบบ โดยการถอดตรวนในครั้งนี้จะนำมาสร้างความสุขอิสรภาพที่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้อย่างอิสระ ปราศจากพันธนาการแห่งโซ่ตรวน

        อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ระบุจำนวนผู้ต้องขังที่อยู่ในเรือนจำที่ต้องโทษประหาร และจำคุกตลอดชีวิต มีอยู่ประมาณ 800 คน แต่ในครั้งนี้จะถอดตรวนก่อนประมาณ 500 คน ซึ่งเป็นนักโทษมีพฤติกรรมดี

วันอาทิตย์ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

10 วิธีที่ทั่วโลกใช้ปราบ 'ผู้สื่อข่าว'


'แอมเนสตี้ฯ' เผย 10 วิธีที่ทั่วโลกใช้ปราบ 'ผู้สื่อข่าว'


เนื่องในวันเสรีภาพสื่อมวลชนโลก ซึ่งตรงกับวันที่ 3 พฤษภาคมของทุกปี แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล รวบรวม 10 วิธีการที่ทั่วโลกใช้ปราบปรามผู้สื่อข่าว เพื่อไม่ให้ผู้สื่อข่าวรายงานข่าวอย่างเสรีและเป็นธรรม
คลิกดูภาพขนาดใหญ่ที่นี่
(หมายเหตุ: ภาพนี้ทำขึ้นใหม่โดยประชาไท โดยการลอกคาแรกเตอร์จาก Joan Cornellà/ ขอขอบคุณ Joan Cornellà)

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ระบุว่า ปัจจุบันรัฐบาลและหน่วยงานต่างๆ ทั่วโลกพยายามพัฒนาเทคนิคเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้สื่อข่าวเปิดโปงการคอรัปชั่นและการละเมิดสิทธิมนุษยชน ทั้งการตั้งข้อหาเท็จ การเพิกถอนใบอนุญาตนักข่าว ไปจนถึงการสังหาร ต่อไปนี้เป็น 10 วิธีการที่ใช้เพื่อปราบปรามและป้องกันไม่ให้ผู้สื่อข่าวรายงานข่าวอย่างเสรีและเป็นธรรม 

1. การทำร้ายร่างกาย
ในบางประเทศ อย่างเช่น ซีเรีย เติร์กเมนิสถาน และโซมาเลีย รัฐบาล กองทัพ และกลุ่มติดอาวุธทำร้ายร่างกายหรือสังหารผู้สื่อข่าว ที่ถูกมองว่าพยายามวิพากษ์วิจารณ์นโยบายและการปฏิบัติของตน
    
เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ฮัสซัม ซาลาเมห์ (Hussam Salameh) ช่างภาพวิดีโอชาวปาเลสไตน์ และมามุด อัล-เคามี (Mahmoud al-Koumi) ผู้สื่อข่าวจากสถานีโทรทัศน์ Al-Aqsa ของกลุ่มฮามัส ถูกทางการอิสราเอลสังหารด้วยการยิงขีปนาวุธใส่รถยนต์ของพวกเขาระหว่างอยู่ในเมืองกาซา แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลไม่พบหลักฐานว่าบุคคลเหล่านี้เกี่ยวข้องกับกิจการอย่างอื่นนอกเหนือจากการเป็นผู้สื่อข่าวพลเรือนทั่วไป แม้ว่ากองทัพอิสราเอลจะแถลงว่าบุคคลทั้งสองเป็น “สายลับของกลุ่มฮามัส”
    
ในเดือนพฤษภาคม 2555 อาบัด อัล-ฆานี คายาเก (Abd al-Ghani Ka'ake) ผู้สื่อข่าวพลเมือง อายุ 18 ปี ได้ถูกหน่วยซุ่มยิงของรัฐบาลซีเรียยิงจนเสียชีวิต ระหว่างถ่ายภาพการชุมนุมประท้วงที่กรุงอาเล็บโป (Aleppo) กลุ่มต่อต้านรัฐบาลที่ติดอาวุธก็ทำร้ายและสังหารผู้สื่อข่าวเช่นกัน
    
มิเกล แองเจล โลเปส เวลัสโก (Miguel Ángel López Velasco) ผู้สื่อข่าว ภรรยาและลูกชายของเขาถูกยิงจนเสียชีวิตที่บ้านในเมืองเวราครูซ (Veracruz) เม็กซิโก โดยไม่ทราบตัวมือปืนเมื่อเดือนมิถุนายน 2554 ก่อนหน้านั้นเขาได้รับคำขู่ว่าจะสังหารหลายครั้ง
    
อับดีฮาเร็ด ออสมัน อาเด็น (Abdihared Osman Aden) จากโซมาเลียถูกมือปืนที่ไม่ปรากฏชื่อสังหารระหว่างเดินไปทำงานเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2556 เขาเป็นหนึ่งในผู้สื่อข่าวอย่างน้อย 23 คนที่ถูกสังหารในประเทศนี้นับแต่ปี 2554 

เมาขับรถกลับหอหนุ่มอิเกียทับสาวคู่หมั้นดับ


ขณะเลี้ยวเข้าลานจอดไม่เห็นแฟนยืนรออยู่จะเปิดประตูขึ้นไปนั่งเลยล้มกลิ้งมุดใต้ล้อ

พนักงานหนุ่มรับส่งของอิเกียเมาขับรถกระบะกลับหอพักไม่ทันเห็นคู่หมั้นสาวมายืนดักรออยู่หน้าทางขึ้นลานจอดรถ พลาดเกี่ยวฝ่ายหญิงที่ยื่นมือจะเปิดประตูขึ้นรถจนกลิ้งเข้าใต้ท้องรถถูกล้อหลังทับร่างดับสยองคาที่ เล่นเอาโชเฟอร์ตีนมัจจุราชช็อกสติแตก เผยกำลังวางแผนเข้าสู่วิวาห์ในอนาคตกลับประสบอุบัติเหตุพรากชีวิตคนรักสาวเพราะความประมาทของตัวเอง

หนุ่มเมาขับรถทับคู่หมั้นสาว  เกิดขึ้นเมื่อเวลา 01.00 น. วันที่ 4 พ.ค. พ.ต.ท.วิวัฒน์ พงศ์พัฒนะ พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการ สน.แสมดำ รับแจ้งอุบัติเหตุรถกระบะชนคนเสียชีวิตบริเวณหน้าหอพักอยู่เจริญ เลขที่ 644/13 ซอยแสมดำ 5 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กทม. จึงไปตรวจสอบ พร้อมด้วย แพทย์ รพ.ศิริราช และมูลนิธิร่วมกตัญญู

ที่ถนนปากทางเข้าหอพักพบศพ น.ส.จิระประภา หรือแอน สายตา อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 56 หมู่ 13 ต.ลือ อ.ปทุมราชวงศา จ.อำนาจเจริญ นอนหงายจมกองเลือด  อยู่ในชุดนอนสีชมพูลายดอก กางเกงขาสั้น  สภาพที่น่องซ้ายมีรอยยางรถสีดำยาวเป็นทางพาดทแยงไปถึงหน้าอกซ้าย ห่างไปอีก 20 เมตร พบรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีขาว ทะเบียน ฒร 8017 กรุงเทพมหานคร จอดอยู่โดยล้อหลังซ้ายมีคราบเลือดติดจำนวนมาก

วันพุธที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ข่าวพิษณุโลก เดือน พฤษภาคม 2556














ข่าว พิษณุโลก 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 (2 ข่าว)
โตโยต้าขยาย“เมืองจราจรจำลอง”อีก2แห่ง

ข่าว พิษณุโลก 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 (8 ข่าว)
ภาค ปชช.เหนือสักการะ“พระองค์ดำ”ก่อนเข้ากรุงร่วมเวทีปฏิรูปประเทศไทยพรุ่งนี้

ข่าว พิษณุโลก 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 (4 ข่าว)
พรึบเดียวเกลี้ยง! คนพิษณุโลกแห่ซื้อไข่ไก่ธงฟ้า ขณะที่ไข่แม่สอดทะลุฟองละ 5 บาทแล้ว

ข่าว พิษณุโลก 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 (4 ข่าว)
สุดทน! ชาวสวนยางบุกศาลากลางพิษณุโลก หลังราคาไหลรูด ร้อง "ปูจ๋า อย่าลำเอียง"

ข่าว พิษณุโลก 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 (3 ข่าว)
ราคาที่กลางกรุงแพงเว่อร์ ตารางวาละ2ล้าน

ข่าว พิษณุโลก 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 (3 ข่าว)
'สองแคว' ไม่ใช่แค่ทางผ่าน

ข่าว พิษณุโลก 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 (1 ข่าว)
ข่าว พิษณุโลก 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 (2 ข่าว)
กฟภ.ซับน้ำตาครอบครัว "พลนอก" สูญเสียลูกคากองเพลิง

ข่าว พิษณุโลก 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 (6 ข่าว)
ข่าว พิษณุโลก 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 (3 ข่าว)
แสนสิริได้ใจยอดขายคอนโดฯพุ่งกระฉูด เดินหน้าลุยตลาดตจว.

ข่าว พิษณุโลก 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 (4 ข่าว)
ระทึก! เบนซ์ติดแก๊สจอดไว้เฉยๆ ไฟลุกพรึบวอดทั้งคัน

อีกแล้ว!ตร.พิษณุโลก เครียด ยิงตัวตายรายที่ 2 ในรอบเดือน

เศร้า! ทารกแรกเกิดถูกแม่ใจยักษ์จับยัดถุงดำทิ้งสิ้นลมแล้ว