วันพฤหัสบดีที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

แต่งสวยแบบไหน ถึงจะใช่คุณที่สุด



แต่งสวยแบบไหน ถึงจะใช่คุณที่สุด (Lisa)

            อินเนอร์ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ภายนอกคุณอาจจะดูสวยแซ่บร้อนแรง แต่ภายในคุณอาจจะเป็นสาวใสช่างฝันก็ได้ ลองทำควิซนี้ดูสิจะได้รู้ว่าที่แท้คุณเป็นสาวแบบไหน? แล้วจะแต่งสวยยังไงให้เหมาะที่สุด?

ข้อไหนบ้างที่ใช่คุณชัวร์ ๆ

สุรินทร์ พิศสุวรรณ ส่งมอบตำแหน่งเลขาธิการอาเซียนให้เวียดนามแล้ว



นายเล เลือง มินห์ (ซ้าย) - ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ (ขวา)

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก asean.org
          สุรินทร์ พิศสุวรรณ ส่งมอบตำแหน่งเลขาธิการอาเซียนให้แก่ เล เลือง มินห์ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศของเวียดนามอย่างเป็นทางการแล้ว หลังดำรงตำแหน่งครบ 5 ปีตามวาระ

          เว็บไซต์ asean.org ซึ่งเป็นเว็บไซต์หลักของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) รายงานว่า ในช่วงเช้าวันนี้ (9 มกราคม) ที่สำนักงานเลขาธิการอาเซียน กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย มีพิธีส่งมอบตำแหน่งเลขาธิการอาเซียนคนใหม่ จาก ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ เลขาธิการอาเซียนชาวไทยคนปัจจุบัน ที่ดำรงตำแหน่งตั้งแต่ 1 มกราคม 2551 ไปสู่นายเล เลือง มินห์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของเวียดนาม วัย 61 ปี อย่างเป็นทางการ นับว่าเป็นเลขาธิการอาเซียนชาวเวียดนามคนแรก

          ทั้งนี้ นายเล เลือง มินห์ จะดำรงตำแหน่ง 5 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2556 - 31 ธันวาคม 2560 โดยสื่อมวลชนต่างคาดว่า ในช่วงที่เลขาธิการชาวเวียดนามอยู่ในวาระ จะต้องเจอความท้าทายหลายอย่างอย่างแน่นอน ซึ่งงานยากที่สุดก็คงหนีไม่พ้น การนำ 10 ประเทศอาเซียน เข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ปี 2558 อย่างไร้ปัญหา รวมถึงปัญหากรณีพิพาทเรื่องทะเลจีนใต้ด้วย

          สำหรับประวัติ เล เลือง มินห์ ถือว่าเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญในวงการทูตอย่างมาก เพราะจบการศึกษาจากสถาบันทางการทูตของเวียดนาม และจบมหาวิทยาลัย Jawaharlal Nehru University ที่อินเดียอีกด้วย นอกจากนี้ ตลอดระยะเวลาการทำงาน 38 ปี เคยดำรงตำแหน่งเป็นทูตเวียดนามประจำสหประชาชาติ, ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ และรัฐมนตรีช่วยกระทรวงต่างประเทศเวียดนาม เป็นตำแหน่งสุดท้ายก่อนที่จะมาเป็นเลขาธิการอาเซียน

ต่างชาติมองไทยน่าลงทุนที่สุดในอาเซียน - ข้อเสียคือการเมือง






          โพล ชี้ ต่างชาติมองไทยน่าลงทุนที่สุดในอาเซียน ในปี 2556 นี้ เพราะมีทรัพยากรและนโยบายที่พร้อม แต่มีข้อเสีย คือ เสถียรภาพทางการเมืองและการทุจริตฉุดรั้งประเทศเอาไว้

          วันนี้ (9 มกราคม) นางสาวปุณฑรีก์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์วิจัยด้านนโยบายสาธารณะเพื่อกิจการอาเซียน สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลวิจัยเรื่อง โอกาสและจุดแข็งของประเทศไทยต่อบรรยากาศการลงทุนในอาเซียน ปี 2556 ตามสายตาของชาวต่างชาติ โดยกลุ่มตัวอย่าง เป็นชาวต่างชาติที่มีความเข้าใจในประเทศไทย และประเทศอื่น ๆ ในอาเซียนอย่างน้อย 5 ประเทศ โดยผลการสำรวจกล่าวโดยสรุปเป็นดังนี้

          จากคำตอบของแบบสอบถาม นับ ได้ว่าประเทศไทยเป็นประเทศลำดับต้น ๆ ของอาเซียนที่ชาวต่างชาติมองเห็นโอกาสในการลงทุนปี 2556 เนื่องจากมีทรัพยากรที่พร้อมทั้งในด้านวัตถุดิบและกำลังคน มีนโยบายที่ดี เอื้อต่อการลงทุน แต่ข้อเสียของประเทศไทยที่สู้ประเทศอื่นในอาเซียนไม่ได้ คือ ความมีเสถียรภาพทางการเมืองและปัญหาการทุจริต

          เมื่อประเทศไทยไม่มีเสถียรภาพทางการเมือง ผลัดเปลี่ยนรัฐบาลบ่อย ๆ ทำให้นโยบายต่าง ๆ ที่วางไว้ไม่นิ่ง เป็นความเสี่ยงอย่างสูงตามสายตาของนักลงทุน ขณะที่ปัญหาการทุจริต หากประชาชนคนไทยไม่มีกำลังต้านมากพอ และปล่อยให้มีการทุจริตอย่างกว้างขวาง โอกาสที่ประเทศไทยจะพัฒนาไปไกลกว่าที่เป็นอยู่ก็คงเป็นไปได้ยาก

พัฒนาเมืองพัทยา 4 ปีข้างหน้า นำเมืองพัทยา-เกาะล้าน เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวแห่งอาเซียน

          อิทธิพล คุณปลื้ม เปิดแผนพัฒนาเมืองพัทยา 4 ปีข้างหน้า นำเมืองพัทยา-เกาะล้าน เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวแห่งอาเซียน รองรับปรับตัวเข้าสู่เออีซี-ดันขึ้นทะเบียนยูเนสโก้

          เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2556 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอิทธิพล คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยาเปิดเผยถึงการบริหารราชการเมืองพัทยาใน 4 ปีข้างหน้า เพื่อรองรับการรวมตัวประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ เออีซี ภายในปี 2558 ว่า จะกำหนดวาระแห่งพัทยา ภายใต้วาระ พัทยาสมดุลสู่พัทยายั่งยืน โดยการน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาเป็นหลักในการพัฒนาพัทยา-เกาะล้านให้เติบโตอย่างยั่งยืน เพื่อรองรับการเข้าสู่การเป็นชาติสมาชิกประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซีในอีกไม่ถึง 2 ปีข้างหน้า

โดยนโยบายสำคัญในอีก 4 ปีข้างหน้า มีดังนี้

           กลุ่มนโยบายที่ 1 ด้านเศรษฐกิจ ที่เน้นร่วมคิดร่วมทำ แผนกลยุทธ์การท่องเที่ยว 3 ปี เติมเต็มจุดแข็งของแบรนด์ เช่น ชายหาด เกาะต่างๆ โดยเน้นกลุ่มประเทศอาเซียนให้เพิ่มมากขึ้นจะสร้างพัทยาให้เป็นศูนย์กลางส่งเสริมอุตสาหกรรมการจัดกิจกรรมการประชุม สัมมนา การแสดงสินค้าและนิทรรศการระดับนานาชาติ จัดทำแผนแม่บทการจราจรเชื่อมรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ (สนามบินสุวรรณภูมิ-พัทยา) 

           กลุ่มนโยบายที่ 2 ด้านสังคม ยึดหลัก "สังคมชั้นนำ พลเมืองสามัคคี" ตั้งเป้าสู้งาน มอบความสุขให้ชาวพัทยา-เกาะล้าน กว่า 108,804 คน เปิดโครงการพัทยา วัน คลาส (Pattaya 1 class) กับบริการมิตรภาพ ส่งเสริมให้เมืองพัทยาสงบปลอดภัยทั้งในและนอกบ้าน 24 ชั่วโมง 

          ด้านสาธารณสุขจะจัดทีมเคลื่อนที่ พัทยาที 29 หน่วยงาน ให้บริการ บริการแบบ "หนักเบาไม่มีถอย" ตลอด 4 ปี พร้อมกับขยายบริการ "ทำด้วยใจ...ไม่มีเหนื่อย" โดยศูนย์อำนวยการแก้ไขปัญหาเรื่องราวร้องทุกข์ หรือ ศอท. ทั่วถึงทุกพื้นที่ 7 วัน 24 ชั่วโมง และเร่งพัฒนาคอลเซ็นเตอร์ 1337 และโรงพยาบาลเมืองพัทยา ราคารัฐบาล ได้มาตรฐาน ที่มี 20,000 เตียง แพทย์พยาบาล พร้อม 356 อัตรา 

           กลุ่มนโยบายที่ 3 ด้านสิ่งแวดล้อม และทรัพยากรธรรมชาติ นายอิทธิพลกล่าวว่าจะนำพาเมืองพัทยา-เกาะล้าน สู่ Go Green ส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดและอนุรักษ์พลังงานอย่างรู้คุณค่า เช่น รณรงค์กิจกรรม CSR โรงเรียนสีเขียว สนับสนุนส่วนราชการใช้พลังงานแสดงอาทิตย์ ไบโอดีเซล ไบโอก๊าซ เชลล์เชื้อเพลิง เป็นต้น หรือ รณรงค์ให้ทุกบ้านมีสวนลอยฟ้า รั้วชายคาผลิตพืชสวนครัว เช่นกัน

          นอกจากนี้จะนำธรรมชาติ หาดสวย น้ำใส สงบ ปลอดภัยคืนให้ทะเลพัทยา ภายใต้แนวคิด Good Beach เตรียมพร้อมเป็นศูนย์กลางแห่งการเดินทางท่องเที่ยวและผู้นำทางวัฒนธรรมสร้างสรรค์ เชื่อมโยงความหลากหลายของผู้คนและวัฒนธรรมจากประชาคมอาเซียน

           กลุ่มนโยบายที่ 4 ด้านวัฒนธรรม โดยเน้นการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และศิลปวัฒนธรรมสร้างสรรค์ โดยจะขยายบทบาทให้ชาวพัทยา ศิลปิน ปราชญ์ชาวบ้าน ร่วมสร้างสรรค์คุณค่าด้วยทุนทางวัฒนธรรมนำวิถีชีวิตและภูมิปัญญาท้องถิ่น พร้อมกับสนับสนุนให้เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมการผลิตและถ่ายทำภาพยนตร์ ผลักดันพัทยาขึ้นทะเบียนกับยูเนสโก เป็นเครือข่ายของเมืองสร้างสรรค์ เป็นต้น
     

ผลวิจัย ชี้ ไทยมีผู้สูงอายุมากที่สุด-สุขที่สุดในอาเซียน





          ผลวิจัย ชี้ ไทยมีสัดส่วนผู้สูงอายุมากที่สุดในอาเซียน และเป็นประเทศที่ผู้สูงอายุมีความสุขที่สุด แต่ต้องปรับปรุงเรื่องการดูแลด้านจิตใจ
 
          เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2556 สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยผลวิจัย จำนวนประชากรในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ซึ่งมีข้อมูลที่น่าสนใจ ดังนี้
 
           ประเทศที่มีประชากรวัยเด็กสูงสุดในอาเซียน ได้แก่ ลาว ร้อยละ 38 จากจำนวนประชากรทั้งหมด
           ประเทศที่มีประชากรวัยทำงานสูงสุดในอาเซียน ได้แก่ สิงคโปร์ ร้อยละ 74 จากจำนวนประชากรทั้งหมด
           ประเทศที่มีประชากรสูงอายุสูงสุดในอาเซียน ได้แก่ ไทย ร้อยละ 12 จากจำนวนประชากรทั้งหมด โดยที่ไทยมีประชากรอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไปกว่า 8.1 ล้านคน และอายุ 80 ปีขึ้นไปประมาณ 8 แสนคน เนื่องจากจำนวนประชากรเกิดใหม่ลดลง ส่งผลให้ ไทยมีภาวะพึ่งพิงทางสังคมมากขึ้น

 
          เมื่อดูจำนวนประชากรผู้สูงอายุในอาเซียน พบว่า ทุกประเทศมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ยกเว้นลาว และเวียดนามเท่านั้น ที่มีประชากรผู้สูงอายุลดลง แต่ฟิลิปปินส์ และบรูไน เป็นประเทศที่มีผู้สูงอายุน้อยที่สุดในอาเซียน
 
          ด้าน นพ.บุญชัย อิศราพิสิษฐ์ ประธานกรรมการบริหารเวลเนส ซิตี้ เปิดเผยว่า แม้ไทยจะเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้สูงอายุมากที่สุดในอาเซียน แต่เมื่อเทียบดัชนีความสุขแล้ว ผู้สูงอายุไทยก็มีความสุขมากที่สุดเช่นเดียวกัน เนื่องจากความพร้อมในการดูแล สภาพสังคม สภาพแวดล้อม อยู่ในเกณฑ์ที่ดี ทว่าสิ่งที่ควรปรับปรุงคือ การให้ความสำคัญด้านจิตใจผู้สูงอายุ

บ่อขยะพิษณุโลกส่งกลิ่น-ควันคลุ้ง ทำคนบางระกำ ครู-นร.เดือดร้อนทั้งบาง

พิษณุโลก - บ่อขยะเมืองสองแควส่งกลิ่นอีก คราวนี้ทำคนบางระกำเดือดร้อน กลิ่นเหม็นและควันไฟคลุ้ง เด็กโรงเรียนโปร่งหม้อข้าว ผ่านไปมาทุกวันแทบอ้วก แถมอยู่ห่างจากชุมชนแค่ 1 กม.




       
       วันนี้ (26 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรับแจ้งจากนางลำยวน เพชรอำ ชาวบ้านหมู่ 5 ต.ท่านางงาม อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก ว่าชาวบ้านโดยเฉพาะหมู่ 5 และหมู่ 7 ต.ท่านางงาม กำลังได้รับความเดือดร้อนจากกลิ่นเหม็นและกลุ่มควันไฟจากบ่อขยะเก่า หมู่ 7 บ้านหนองปลิง เนื้อที่กว้างประมาณ 
10 ไร่ ที่ไมมีวี่แววจะมอดดับ หลังจากเกิดไฟไหม้ตั้งแต่วันที่ 21 กุมภาพันธ์ และขยายเป็นวงกว้างจนลามไปติดไร่อ้อยที่อยู่ใกล้เคียง
       
       นางลำยวนบอกว่า ตนมีอาชีพรับส่งนักเรียน ต้องสูดดมควันและกลิ่นเหม็นมาหลายวันแล้ว เด็กบางคนถึงกับอาเจียน อีกทั้งกระแสลมทำให้กลิ่นขยะโชยไปถึงโรงเรียนโปร่งหม้อข้าว สร้างความเดือดร้อนแก่ครูและนักเรียนทั้งโรงเรียน ส่วนคนแก่ที่อยู่ในหมู่บ้านบางรายต้องย้ายหนีไปอยู่บ้านญาติในตัวอำเภอกันแล้ว
       
  “ใครที่บอกว่ามีรถดับเพลิงมาควบคุมสถานการณ์นั้น ข้อเท็จจริงไฟยังคุกรุ่น บ่อขยะซึ่งเป็นของอดีตกำนันแม้ปัจจุบันจะปิดไปแล้ว แต่วันนี้ยังมีรถขยะจากที่อื่นมาทิ้งอยู่เป็นประจำ จึงมีการเผาเกิดขึ้น ทำอย่างนี้คนท่านางงามเดือดร้อน ที่ผ่านมาแค่เอารถน้ำมาดับ แต่ไฟก็ไม่ดับ ส่วนวันนี้ทราบว่าจะมีรถทหารมาดับ ก็ยังไม่แน่ว่าจะทำสำเร็จหรือไม่”
       
       นายอนุพงศ์ ธรรมบุญช่วย รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ท่านางงาม กล่าวว่า บ่อขยะดังกล่าวเป็นบ่อขยะเก่าปิดมานานกว่า 2 ปีแล้ว แต่ยังมีขยะที่ไม่ย่อยสลายกองทับถมอยู่จำนวนมากจึงเป็นเชื้อเพลิงอย่าง

"สมองๆๆๆ" มีไว้...ให้ "คิดดี พูดดี ทำดี


โดย นพ.วิชัย เทียนถาวร อดีตปลัดกระทรวงสาธารณสุข 


"สมอง" เป็นอวัยวะสำคัญของร่างกายอย่างหนึ่งที่อยู่สูงที่สุด ก้อนเนื้อสมองมีสีเหลือง มีสองก้อน แบ่งเป็นสองซีก คือซีกซ้ายกับซีกขวา ที่มีคลื่นหยักๆ มากมายเรียกว่า Gyrus ส่วนร่องสมองเรียกว่า Sulcus มีเซลล์สมองที่ "แสนวิเศษ" จำนวนมากเป็นแสนๆ ล้านๆ ตัว มีความสำคัญต่อการ "ควบคุม" "สั่งการ" ทุกการเคลื่อนไหวของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นการเดิน การพูด ความรู้สึกหนาว เย็น ร้อน เจ็บ ปวด ความจำ การคิดอ่าน สร้างนวัตกรรม อีกมากมาย

"ก้อนสมอง" นี้อยู่ภายในกล่องที่แข็งมาก คือ "กะโหลกศีรษะ" ถ้าเปรียบระบบ IT สมัยนี้ ก็คือ "Soft ware" อยู่ในกล่อง "Hard ware" แต่ที่ต่างกันก็คือ เซลล์เนื้อสมองนอกจากจะมีการเจริญเติบโตเหมือนส่วนอื่นของร่างกายแล้ว "เซลล์สมอง" ทรงประสิทธิภาพในการทำงานสร้างสรรค์ความเจริญของโลกมากมายหลายอย่างที่ปรากฏอยู่ เซลล์ของสมองทำหน้าที่เชื่อมโยง (Pathways) ต่างๆ มากมาย จากจุดศูนย์กลางของสมอง ส่งไปยังอวัยวะต่างๆ ให้ทำงาน ประตูเข้าของอวัยวะรับความรู้สึก คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ แล้วส่งกระแสผ่านประสาทไปยังสมองส่วนกลางแปรผลออกมาแล้วสั่งการไปตามระบบอวัยวะของร่างกายในการรับรู้การรู้สึก จากการกระตุ้นในแบบต่างๆ ผ่านประตูออกแสดงออกรูปแบบต่างๆ ทางขันธ์ 5 คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ตามปกติที่ปุถุชนพึงมีตามโลกธรรม 8 คือ สิ่งที่ทุกคนต้องพบต้องเจออยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน หมายถึง มีลาภ-เสื่อมลาภ มียศ-เสื่อมยศ มีสรรเสริญ-มีนินทา มีสุข-มีทุกข์ วนเวียนสลับกันไปตลอดเวลา ขึ้นอยู่ว่าเรารู้ทันมันหรือไม่

อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างย่อมเป็นไปตามวัฏสงสาร คือ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ยิ่งอายุ วัย มากขึ้นเรื่อยๆ หากไม่ประสบอุบัติเหตุใดๆ เลย หรือไม่เป็นโรคความดันโลหิตสูง ไม่เกิดภาวะเส้นเลือดสมองตีบ หรือแตก ตามที่ได้เคยเขียนในฉบับก่อน "สมองหรือเซลล์สมอง" ย่อมเสื่อมตามวัน เวลา ตามวัย เมื่อมีอายุมากขึ้น กล่าวคือ มีโรคต่างๆ มากมายที่เกิดขึ้นในวัยผู้สูงอายุ

ในที่นี้จะเล่าให้ฟังง่ายๆ โรคที่พบบ่อยๆ คือ "สมองเสื่อม"

วันจันทร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

นิค วูจิซิส หนุ่มพิการหัวใจนักสู้ เป็นคุณพ่อแล้ว

    นิค วูจิซิส หนุ่มออสเตรเลียที่เกิดมาพร้อมกับโรค tetra-amelia syndrome ซึ่งทำให้เขาเองไม่มีแขนและขา และต้องต่อสู้ชีวิตอย่างยากลำบาก แต่นิคก็ต่อสู้กับชีวิต จนกลายมาเป็นนักพูดที่มีชื่อเสียง คอยให้กำลังใจกับผู้คนทั่วโลก และตอนนี้ นิค ก็ได้กลายมาเป็นคุณพ่อมือใหม่ เมื่อภรรยาสาวของเขา คานาเอะ มิยาฮาร่า (Kanae Miyahara )ได้ให้กำเนิดลูกชายคนแรกแก่เขา หนูน้อยคิโยชิ สร้างความปลาบปลื้มให้กับนิค และครอบครัวเป็นอย่างมาก

             ในวัยเด็ก นิค เองมีชีวิตที่ลำบาก เขาเกิดมาโดยที่ไม่มีแขนขา และต้องต่อสู้กับคำสบประมาททั้งหลายรวมทั้งการกลั่นแกล้งจากเพื่อน ๆ จนทำให้เขาเองเกือบที่จะฆ่าตัวตายในวัยเพียง 8 ขวบ แต่สุดท้าย เมื่อแม่ของนิค เอาหนังสือพิมพ์ที่มีบทความของชายคนหนึ่ง ที่ต่อสู้กับความพิการของร่างกาย นิค ก็เกิดแรงบันดาลใจในการมีชีวิตต่อไป เขาเริ่มต้นฝึกฝนทักษะต่าง ๆ มากมาย จนเป็นที่ยอมรับของเพื่อน ๆ และเขาสามารถเรียนจบในด้านบัญชีและวางแผนการเงิน จากมหาวิทยาลัยกริฟฟิธ (Griffith University) ตอนอายุ 21 ปี จากนั้น เขาก็ได้รับเชิญให้ไปพูดบรรยายให้กำลังใจกับผู้คนทั่วโลก จนนิคเอง ได้กลายมาเป็นแรงบันดาลใจให้คนนับล้าน ต่อสู้กับชีวิตอันแสนโหดร้าย เขาพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า เขาเองแม้จะพิการไม่มีแขนขา แต่เขาก็มีความสามารถทุกสิ่งทุกอย่าง เฉกเช่นที่คนปกติทั่วไปทำ

             จนเมื่อวันศุกร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นิค ก็พิสูจน์ให้ผู้คนเห็นอีกครั้งว่า เขาเองก็สามารถมีชีวิตที่เป็นปกติได้ เมื่อเขาโพสต์รูปของเขา พร้อมกับลูกชายตัวน้อย คิโยชิ ขณะที่ลูกชายกำลังหลับในอ้อมแขน พร้อมกับบรรยายว่า "ความฝันของผมเป็นจริงแล้ว เพราะผมเองได้อุ้ม คิโยชิ ลูกชายของผม นี่เป็นเสมือนความงดงามและของขวัญจากพระเจ้า ผมรักพวกคุณทุกคน และขอบคุณสำหรับคำอวยพรที่มีมาให้ไม่ขาดสาย"

สมเด็จพระสังฆราชฯ ประทานพระโอวาทวันมาฆบูชา แนะรักษาศีล สมาธิ ปัญญา

สมเด็จพระสังฆราช ประทานพรปีใหม่ ขอคนไทยปรารถนาดีต่อกัน

พระพุทธรูป


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          สมเด็จพระสังฆราช  ฯ ประทานพระโอวาทวันมาฆบูชา 56 แนะพุทธศาสนิกชนรักษาศีล สมาธิ ปัญญา เป็นคุณเครื่องทำให้ชีวิตงดงาม ไม่ทำบาปทั้งปวง ทำความดีให้ถึงพร้อมและทำจิตให้บริสุทธิ์ ขณะที่ประชาชนทำบุญตักบาตรทั่วไทย

          เนื่องในวันมาฆบูชา2556 สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานพระโอวาท ความตอนหนึ่งว่า พระพุทธศาสนา แสดงว่า พระสุคต คือพระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมงามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด และแสดงว่า บุคคลย่อมงามในเบื้องต้นด้วยศีล งามในท่ามกลางด้วยสมาธิ งามในที่สุดด้วยปัญญา เพราะว่าศีลทำให้กาย วาจา หรือพฤติกรรมเรียบร้อยงดงาม สมาธิทำให้ความรู้สึกนึกคิดและจิตใจสงบเยือกเย็นและมั่นคง ปัญญาทำให้ความรู้ความสามารถสะอาดบริสุทธิ์เป็นไปในทางสร้างสรรค์สิ่งที่ดีงามแก่ชีวิต เมื่อประมวลเข้าด้วยกัน ศีล สมาธิ ปัญญา ก็คือคุณเครื่องทำให้ชีวิตงดงาม วันมาฆบูชา คือ วันที่พระพุทธองค์ทรงแสดงหลักการสำคัญของพระพุทธศาสนา โดยย่นย่อ ส่วนหนึ่งของหลักการสำคัญดังกล่าวก็คือ การไม่ทำบาปทั้งปวง การทำความดีให้ถึงพร้อม และทำจิตของตนให้บริสุทธิ์ ซึ่งก็คือ หลักศีล สมาธิ ปัญญา นั่นเอง

          ฉะนั้น วันมาฆบูชา จึงถือได้ว่าเป็นวันแห่งความงามของชีวิต จึงขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย น้อมจิตรำลึกถึงพระพุทธเจ้า พร้อมทั้งน้อมนำเอาพระธรรมคำสอนของพระองค์มาบริหารจัดการชีวิตของตนให้งดงามด้วยการปฏิบัติตามหลักศีล สมาธิ ปัญญา ทั่วกัน

          ทั้งนี้ ช่วงเย็นวันนี้ขอเชิญพุทธศาสนิกชนร่วมพิธีเวียนเทียนเนื่องในวันมาฆบูชา รวมถึงรับฟังธรรมเทศนาพร้อมกับปฏิบัติธรรมในวัดทั่วประเทศ เพื่อน้อมนำหลักคำสอนของพระพุทธศาสนาไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันด้วย 

          อย่างไรก็ตามเย็นวันนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ นายอำพล เสนาณรงค์ องคมนตรี เป็นผู้แทนพระองค์ไปในการบำเพ็ญพระราชกุศล เนื่องในวันมาฆบูชา ประจำปี 2556 ที่ พุทธมณฑล จ.นครปฐม โดย องคมนตรีอำพล ได้นำเวียนเทียน 3 รอบ เพื่อเป็นการระลึกถึงพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ ถวายเป็นพุทธบูชาแด่องค์สัมมาสัมพุทธเจ้า โดยมี นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  นายวันชาติ วงษ์ชัยชนะ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม ผู้แทนจากสำนักพระพุทธศาสนา และพุทธศาสนิกชน ที่ร่วมงานเป็นจำนวนมาก กำหนดการจัดงานวันมาฆบูชาจะมีกิจกรรมฟังพระธรรมเทศนา และปิดงานในช่วง 23.00 น. คืนนี้


วันมาฆบูชา

ประชาชนทำบุญมาฆบูชาคึกคักทั่วไทย

          ขณะที่ประชาชนทำบุญตักบาตรเนื่องในวันมาฆบูชาประจำปี 2556 กันทั่วประเทศ โดย ณ ท้องสนามหลวง นางนินนาท ชลิตานนท์ ปลัดกรุงเทพมหานคร เป็นประธานในพิธีทำบุญตักบาตร พระสงฆ์ 87 รูป เนื่องในวันมาฆบูชา ประจำปี 2556 โดยมี ศ.นพ.เกษม วัฒนชัย องคมนตรี เป็นประธานในพิธีเจริญพระพุทธมนต์ โดยมีพุทธศาสนิกชนเข้าร่วมอย่างเนืองแน่น ส่วนใหญ่แต่งกายนุ่งขาว ห่มขาว และมากันเป็นครอบครัว เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาและถวายเป็นพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 86 พรรษา อีกทั้งยังเป็นการสืบทอดพระพุทธศาสนา และประเพณีที่ดีงามของไทยด้วย

          อย่างไรก็ตาม กทม. และภาคีเครือข่าย ได้จัดงานวันมาฆบูชา โดยกิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วย การอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระแก้วมรกต (จำลอง) จากวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ ประดิษฐานยังมณฑปที่มณฑลพิธีท้องสนามหลวง การเจริญพระพุทธมนต์ การบรรยายธรรม การอภิปรายธรรม การแสดงพระธรรมเทศนา การถวายสังฆทาน พร้อมกันนี้ ยังมีการจัดนิทรรศการของพระสงฆ์และองค์กรทางพระพุทธศาสนา ที่บริเวณโดยรอบสนามหลวง ซึ่งประชาชนยังสามารถเดินทางมาร่วมงานได้จนถึงช่วงเย็นของวันนี้ (25 กุมภาพันธ์ 2556)

 วัดสิริกมลาวาส

          บรรยากาศการทำบุญเนื่องในวันมาฆบูชา ที่วัดสิริกมลาวาส ในขณะนี้ ได้มีประชาชนชาวไทยที่นับถือศาสนาพุทธ เดินทางมาทำบุญไหว้พระขอพร เพื่อเป็นสิริมงคลให้กับตัวเองเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ ภายในวัดได้มีพ่อค้า แม่ค้า ที่จัดชุดสังฆทาน ชุดข้าวสารอาหารแห้ง ดอกไม้ มาจำหน่ายให้กับประชาชนด้วย

          นอกจากนี้ จากการสอบถามประชาชนที่เดินทางมาทำบุญไหว้พระ พบว่า วันนี้ตนเองได้พาครอบครัวมาทำบุญ เพื่อเป็นสิริมงคลให้กับชีวิต ซึ่งได้ขอพรให้ร่างกายแข็งแรง คิดสิ่งใดขอให้สมปรารถนา ขอให้ปีนี้เศรษฐกิจภายในประเทศดี การเมืองสงบ ไม่มีเหตุการณ์ชุมนุม ประเทศไทยมีแต่นักการเมืองที่ทำงานเพื่อประเทศชาติ ไม่ทะเลาะกันเหมือนในปัจจุบัน



 ผู้ว่ายะลานำปชช.ทำบุญวันมาฆบูชา-รปภ.เข้ม

          บรรยากาศทั่วไปในพื้นที่ จ.ยะลา เนื่องในโอกาสวันมาฆบูชา ขึ้น 15 ค่ำ ได้มีพี่น้องประชาชนคนไทยพุทธ ได้ออกมาทำบุญตักบาตร นอกจากนี้ ที่บริเวณวัดเมืองยะลา พระอารามหลวง อ.เมือง จ.ยะลา ได้มีทั้งข้าราชการทหารตำรวจ พ่อค้าประชาชน ได้ร่วมมาทำบุญตักบาตรกันเป็นจำนวนมาก โดยมี นายเดชรัฐ สิมศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ร่วมทำบุญในวันนี้ด้วย และในช่วงเที่ยงของวันนี้ ก็จะมีพิธีเวียนเทียน จนกระทั่งถึงค่ำ ท่ามกลางการดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ของเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และกำลังภาคประชาชน ในพื้นที่ จ.ยะลา

 ชาวปัตตานีทำบุญมาฆบูชา-จนท.เข้มเฝ้าระวังจุดเสี่ยง

          บรรยากาศโดยทั่วไปในพื้นที่ จ.ปัตตานี เป็นไปอย่างปกติ มีพี่น้องศาสนิกชนออกมาทำบุญตักบาตรบริเวณลานวัฒนธรรม หน้าศาลากลางจังหวัดปัตตานี เป็นจำนวนมาก ท่ามกลางสายฝนและการดูแลรักษาความปลอดภัยจากกำลังเจ้าหน้าที่อย่างหนาแน่นและเป็นพิเศษ โดยมีการเน้นหนักในการเฝ้าระวังตามจุดเสี่ยงต่างๆ ทั่วทั้ง อ.เมือง เพื่อเฝ้าระวังเหตุร้ายที่อาจจะเกิดขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง


ขอขอบคุณข้อมุลจาก

วันเสาร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ซิ่งเก๋งอัดเสาไฟดับ3ศพสาหัส1คน


เมื่อเวลา 06.00 น.วันนี้ (23 ก.พ.) ร.ต.ต.สายยนต์ ขึ้นนกซุ้ม ร้อยเวร สภ.ชะอำ จ.เพชรบุรี รับแจ้งเหตุรถเก๋งชนเสาไฟฟ้า บริเวณหน้าสนามกอล์ฟปาล์มฮิลล์  ริมถนนเพชรเกษม อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ฝั่งขาเข้ากรุงเทพมหานคร ในที่เกิดเหตุมีผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจำนวนหลายรายจึงจุดตรวจสอบ
ในที่เกิดเหตุพบรถยนต์เก๋งฮอนด้า ซิตี้ สีดำ หมายเลขทะเบียน ณภ 2570 กรุงเทพมหานคร สภาพรถพังยับเยินขาดสองท่อน และอัดก๊อบปี้ติดอยู่กับเสาไฟฟ้าที่ถูกชนจนขาดสองท่อน ในที่เกิดเหตุยังพบผู้เสียชีวิต จำนวน 3 ราย ติดอยู่ภายในซากรถคันดังกล่าว 1 รายเป็นหญิง ส่วนอีก 2 รายเป็นชายกระเด็นออกมาเสียชีวิตอยู่นอกตัวรถ
นอกจากนี้ ยังมีผู้บาดเจ็บเป็นชายอีก 1 รายอาการสาหัสถูกส่งยังโรงพยาบาลหัวหิน จึงประสานเจ้าหน้าที่มูลนิธิสว่างสรรเพชญธรรมสถานเพชรบุรีเพื่อขอกำลังสนับสนุนอุปกรณ์เครื่องตัดถ่างเพื่อตัดซากรถนำร่างของผู้เสียชีวิตออกมา โดยใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมง จึงสามารถนำร่างผู้เสียชีวิตหมดออกมาได้ทราบชื่อต่อมาคือ ชื่อ น.ส.สุกัญญา ฉายผาด อายุ 24 ปี ชาวกาฬสินธุ์ นายทวีโชค พุ่มพวง อายุ 32 ปี ชาวเพชรบุรี และผู้ชายอีก 1 รายทราบเพียงชื่อเล่นว่านายแบงก์ ไม่ทราบภูมิลำเนา ส่วนผู้บาดเจ็บเป็นชาย 1 รายทราบเพียงชื่อเล่นว่าอาร์ท อาการสาหัสยังไม่รู้สึกตัว
 จากการสอบถามเพื่อนๆ ของผู้เสียชีวิต ทราบว่าทั้งหมดทำงานอยู่ที่ห้างสรรพสินค้าเทสโก้ โลตัส สาขาหัวหิน ก่อนเกิดเหตุทั้งหมดไปเที่ยวผับแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.ชะอำ ห่างจากจุดเกิดเหตุเพียง 2-3 กิโลเมตรเท่านั้น และกำลังมุ่งหน้ากลับบ้านพักในอ.หัวหิน คาดว่าขับมาด้วยความเร็วประกอบกับจุดเกิดเหตุเป็นทางโค้งทำให้รถเสียหลักพุ่งชนกับเสาไฟฟ้าเต็มแรง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ 3 ราย และบาดเจ็บสาหัสอีก 1 ราย.

ชาวบ้าน 4 จว.จี้เลิกป่าสงวน-ขอใช้ทำกิน ผู้ว่าฯ พิษณุโลกนำสื่อบินพิสูจน์เจอรุกป่าอื้อ

พิษณุโลก - ชาวเมืองเลย คนบ้าน รมต.กระทรวงทรัพย์ พร้อมชาวบ้าน 4 จังหวัด กว่า 200 คน บุกศาลากลางพิษณุโลก ร้องขอที่ดินทำกินในเขตป่าสงวนฯ ยื่น 4 เงื่อนไข ขณะที่ผู้ว่าฯ พานักข่าวบินดู ก่อนฟันธง “เป็นป่าไม่เสื่อมโทรม” ถ้าม้งชาติตระการเรียกร้อง ไม่อนุมัติแน่
       
       รายงานข่าวจากจังหวัดพิษณุโลก แจ้งว่า ชาวบ้านหมู่ 4 ต.นาจาน อ.ชาติตระการ และชาวบ้าน อ.นครไทย จ.พิษณุโลก จ.หนองบัวลำภู จ.เพชรบูรณ์ และ จ.เลย รวมประมาณ 200 คน ได้พากันนั่งรถยนต์กระบะกว่า 30 คัน จากหน้าอำเภอนครไทย ไปชุมนุมที่ศาลากลางจังหวัดพิษณุโลกวานนี้ (22 ก.พ.) โดยมีแกนนำสำคัญ คือ นายแสงจันทร์ ศรีพลเมือง อดีต ส.จ.นาด้วง จ.เลย ที่ระดมพลเพื่อเรียกร้องสิทธิครอบครองที่ดินทำกินในเขต อ.นครไทย จ.พิษณุโลก
       

วันพุธที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

สหรัฐยันฮ.ซีนุกร่อนจอด นาวิกปลอดภัย


ผู้ช่วยโฆษกสถานทูตสหรัฐ ยัน นาวิกปลอดภัย ไม่มีเจ็บ-เสียชีวิต หลังจอดฉุกเฉินตอนเหนือ จ.พิษณุโลก
นายชาญนริศ บุญพารอด ผู้ช่วยโฆษกสถานทูตสหรัฐประจำประเทศไทย กล่าวว่า ได้รับการประสานงานจากหน่วยงานของสหรัฐในพื้นที่ว่า เฮลิคอปเตอร์ที่ร่วมฝึกคอบร้าโกลด์ของสหรัฐ รุ่นซีไนท์ ได้ลงจอดฉุกเฉินทางตอนเหนือของ จ.พิษณุโลกโดยได้รับการยืนยันว่าทุกคนปลอดภัย ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต แต่ไม่ได้บอกเวลาที่ชัดเจนว่าเกิดเหตุเวลาใด ซึ่งการฝึกคอบร้าโกลด์ มีหลายที่ และการฝึกคอบร้าโกลด์เป็นเรื่องปกติ และได้มีการฝึกมา 2 สัปดาห์

ล่าสุด ผบ.ทอ.ยืนยัน ชีนุกรุ่นCh-46 ของนาวิกฯสหรัฐ ร่อนลงที่่ภูหินร่องกล้า มีผู้โดยสาร 7-8 คนปลอดภัย มีบาดเจ็บ 1 คน ไม่มีทหารไทย
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์



ฮ.สหรัฐจอดฉุกเฉินพิษณุโลกระหว่างฝึกคอบร้าโกลด์


ฟังเสียง

เวลา 14.00 น.ที่หอประชุมกองทัพอากาศ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 12.00 น.วันนี้ (20 ก.พ.) ตนได้รับรายงานว่า มีเฮลิคอปเตอร์ลงจอดฉุกเฉินในพื้นที่ด้านตะวันออกเฉียงเหนือของ จ.พิษณุโลก ซึ่งเป็นพื้นที่ร่องเขาใกล้กับภูหินร่องกล้า โดยจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า เป็นเครื่องบิน CH-46 Sea Knight ของนาวิกโยธินสหรัฐอเมริกาที่มาร่วมฝึกคอบร้าโกลด์ร่วมกับไทย ซึ่งเป็นเครื่องบินฝึกทางยุทธวิธี ตระกูลเดียวกันกับชีนุ๊ค ขณะนี้ทราบว่า มีนักบินและลูกเรือทั้งหมดประมาณ 7-8 คน โดยมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 คน ส่วนที่เหลือปลอดภัย เพราะการร่อนลงถือว่า ไม่อันตรายมาก ขณะนี้ในส่วนของกองกำลังคอบร้าโกลด์ได้มีการประสานกับเฮลิคอปเตอร์ของสหรัฐ 1 เครื่อง และเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพบก 1 เครื่องเข้าไปช่วยดูสถานการณ์
ทั้งนี้พบว่า จากอุบัติเหตุดังกล่าวไม่มีผลกระทบเสียหายต่อประชาชนแต่อย่างใด ซึ่งขณะนี้ตนได้สั่งการให้ผอ.สำนักนิรภัยกองทัพอากาศและเจ้ากรมยุทธการทหารอากาศเตรียมเจ้าหน้าที่ที่เชี่ยวชาญงานด้านนิรภัยการบินไว้พร้อมช่วยเหลือ โดนทันทีที่สหรัฐฯ หรือกองกำลังคอบร้าโกลด์ขอความช่วยเหลือมาทางกองทัพอากาศจะส่งกำลังไปช่วยทันที ส่วนรายละเอียด และสาเหตุของอุบัติเหตุดังกล่าวต้องขอเวลาตรวจสอบ และต้องรอความชัดเจนจากชุดสำรวจในช่วงบ่ายวันนี้

วันเสาร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ปิดตำนานชาละวัน สิ้นแล้วนักเลงการเมืองตัวจริง


ผาดโผนโจนทะยานในวงการเมืองไทยมาหลายสิบปี เจอทั้งทุกข์ทั้งเศร้า เคล้าน้ำตา มาไม่รู้กี่ครั้ง แต่สิ่งหนึ่งที่อยู่ในความทรงจำเสมอมา คือ ความเป็นนักเลงตัวจริง ไม่เคยอาฆาตมาดร้ายใคร แต่ใครมีบุญคุณต้องทดแทน เหตุนี้เอง จึงทำให้ไร้ศัตรูคู่อาฆาต และสามารถสร้างคอนเนกชั่นการเมืองได้อย่างหาใครเสมอเหมือน...

ใครคนที่กำลังพูดถึงนี้ก็คือ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ หรือ เสธ.หนั่น ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา ที่เพิ่งถึงแก่อนิจกรรม ด้วยอาการ ติดเชื้อในกระแสโลหิตอย่างรุนแรง จนส่งผลให้ภาวะการไหลเวียนโลหิตและระบบการหายใจล้มเหลว ทำให้เสียชีวิต อย่างสงบในเวลา 17.09 น.ของวันที่ 15 ก.พ.2556 ภายหลังเข้ารับการรักษาที่ รพ.ศิริราช ด้วยโรคถุงลมโป่งพอง มาตั้งแต่วันที่ 22 พ.ย.2555

เสธ.หนั่น เริ่มต้นการกระโจนเข้าสู่เวทีการเมือง ด้วยเส้นทางที่ไม่ค่อยน่าอภิรมย์สักเท่าไหร่ ภายหลังต้องกลายเป็นกบฏ หลังโดดร่วมคณะกับ พล.อ.ฉลาด หิรัญสิริ โค่นรัฐบาลนายธานินทร์ กรัยวิเชียร เมื่อปี พ.ศ. 2520 แต่ไม่สำเร็จ ทำให้ เสธ.หนั่น ซึ่งในขณะนั้น มียศเป็นพันโท ถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต แต่ในเวลาต่อมาได้รับการนิรโทษกรรมเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม ปีเดียวกัน

จากนั้น ก็ก้าวเข้าสู่ถนนสายการเมืองอย่างเต็มตัว เมื่อเข้าสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ ลงสมัครรับเลือกตั้ง ครั้งแรก ที่เขตดุสิต แต่ก็พลาดหวังไม่ได้รับการเลือกตั้ง แต่ที่สุด เมื่อปี พ.ศ.2526 ก็ได้เป็นผู้แทนราษฎรอย่างเต็มภาคภูมิครั้งแรก ในฐานะที่ชนะการเลือกตั้งที่ จ.พิจิตร และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา จ.พิจิตร ก็คือถ้ำเพชร ของพญาชาละวันการเมืองผู้นี้ มาจวบจนถึงปัจจุบัน จากนั้นก็ค่อยๆ ไต่เต้าทางการเมือง และสร้างฐานอำนาจในพรรคประชาธิปัตย์ จนได้รับตำแหน่งเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ และตำแหน่งรัฐมนตรีในหลายๆ รัฐบาล ที่พรรคประชาธิปัตย์ เข้าร่วม

และแน่นอนหนึ่งในผลงานชิ้นสำคัญที่ เสธ.หนั่น บรรจงสร้างผลงานทางการเมือง ที่ยากหาใครเสมอเหมือน จนกลายเป็นเสียงเล่าขานมิรู้จบ และกลายเป็นคำสำคัญทางการเมืองไทยมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถ ร้อยพันคอนเนกชั่น ก็คือ ในปี พ.ศ.2540 ที่ประเทศไทยในขณะนั้น เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจย่อยยับ จากพิษสงของกลุ่มอาชญากรทางเศรษฐกิจ ที่ใช้พลังทางการเงินมหาศาลเข้าถล่มค่าเงินบาท จนรัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ในสมัยนั้น ต้องยอมจำนน ประกาศยอมลดค่าเงินบาท ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้นเพียงไม่กี่วัน พล.อ.ชวลิต เพิ่งจะประกาศดังๆ ให้ฟังชัดๆ กับคนทั้งประเทศว่า จะไม่ลดค่าบาท และยังมีการจัดฉลองความสำเร็จ ที่สามารถเอาชนะกลุ่มอาชญากรทางเศรษฐกิจในสงครามค่าเงินได้สำเร็จ จนนำมาซึ่งความสูญเสียเครดิตทางการเมืองแทบหมดสิ้นของพ่อใหญ่จิ๋ว

จนที่สุด พรรคร่วมรัฐบาลในสมัยนั้น ซึ่งประกอบด้วย พรรคความหวังใหม่ พรรคชาติพัฒนา พรรคชาติไทย และพรรคประชากรไทย และพรรคกิจสังคม ที่มีตัวตั้งตัวตีคือ นายเสนาะ เทียนทอง ได้กดดันให้ พล.อ.ชวลิต ลาออก เพื่อผลักดันให้ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อคงสถานะความเป็นรัฐบาลเอาไว้ให้ได้ต่อไป แต่ด้วยความที่เกิดกระแสความไม่พอใจในหมู่ประชาชนจำนวนมาก จากเหตุการณ์ความหายนะทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้น ประกอบกับการที่พรรคฝ่ายค้านที่มีพรรคประชาธิปัตย์ เป็นแกนนำมี ส.ส.น้อยกว่าพรรคความหวังใหม่เพียง 2 เสียง ทำให้ เสธ.หนั่น รีบชิงเดินเกม ดึงเสียง ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล เข้ามาร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ จัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ ขึ้นทันที โดยใช้บารมีของ นายชวน หลักภัย ซึ่งมีภาพลักษณ์เป็นผู้มีความซื่อสัตย์สุจริตสูง เป็นดาราชูธงในการเรียกเสียงยอมรับจากมหาชน

จนที่สุด ในวันที่ 9 พ.ย. เรื่องที่ไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้น เมื่อมีการแถลงจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ขึ้นถึง 2 ครั้งในวันเดียว โดยครั้งแรก นายเสนาะ ได้ประกาศยืนยันการจัดตั้งรัฐบาลที่มี พล.อ.ชาติชาย เป็นนายกรัฐมนตรี แต่สิ่งที่น่าแปลกคือ การไม่ปรากฏตัวในการแถลงข่าว ของ นายมนตรี พงษ์พานิช หัวหน้าพรรคกิจสังคมในสมัยนั้น

จนที่สุดอีกไม่กี่นาทีให้หลัง ก็ได้มีการประกาศจัดตั้งรัฐบาล ที่มีนายชวน เป็นนายกรัฐมนตรี โดยมีไฮไลต์สำคัญคือการที่ เสธ.หนั่น เดินนำ นายมนตรี พร้อมกับ 12 ส.ส.พรรคประชากรไทย ที่มีนายวัฒนา อัศวเหม เป็นแกนนำ เข้ามาร่วมการแถลงข่าว เพื่อยืนยันเสียงข้างมากกว่าฝ่ายของ พล.อ.ชาติชาย จนทำให้ต่อมาภายหลัง นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคประชากรไทย ในสมัยนั้น ได้เรียกขานกลุ่มของ นายวัฒนา ว่าเป็นกลุ่มงูเห่า จนกลายเป็นตำนานสำคัญอีกบทหนึ่งของการเมืองไทย และเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ความสำเร็จของ พญาชาละวันผู้นี้มาจนถึงปัจจุบัน

อย่างไรก็ดี เมื่อมีสุขก็ย่อมมีเศร้า หลังถือครองความเป็นเต้ยทางการเมืองมาเป็นเวลานาน จนแทบจะไม่มีใครคิดว่า ใครจะสามารถโค่นพญาชาละวันผู้นี้ได้ แต่ที่สุดวันนั้นก็มาถึง เมื่อ นายอดิศร เพียงเกษ ส.ส.พรรคความหวังใหม่ ในสมัยนั้น ได้เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.ต.สนั่น ว่าแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินเป็นเท็จ จากนั้น นายวีระ สมความคิด ประธานกลุ่มพิทักษ์สิทธิเสรีภาพประชาชน ได้นำข้อมูลการอภิปรายดังกล่าวไปยื่นให้คณะกรรมการปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ตรวจสอบ ถึงการกู้ยืมเงินจำนวน 45 ล้านบาท จากบริษัทเอเอเอส ออโต้เซอร์วิส ทั้งที่ไม่มีการกู้ยืมจริง จนนำไปสู่การตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ให้ พล.ต.สนั่น ต้องถูกตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี สูญเสียตำแหน่งสำคัญทางการเมืองไปจนหมดสิ้น ทำให้ถูกสื่อมวลชนในสมัยนั้น เรียกขานสิ่งที่เกิดขึ้นกับพญาชาละวันผู้ยิ่งใหญ่ นี้ว่า ปลาวาฬตายน้ำตื้น

แต่ความชอกช้ำทางการเมือง ยังไม่จบสิ้น ภายหลังได้รับอิสรภาพทางการเมือง แทนที่จะกลับเข้าประชาธิปัตย์บ้านเก่า เสธ.หนั่น กลับตัดสินใจ บ่ายหัวไปตั้งพรรคมหาชน โดยอาจเป็นเพราะว่า ในช่วงระยะเวลา 5 ปี ที่ถูกแบนทางการเมืองอยู่ นั้น นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญอย่างมากในพรรคประชาธิปัตย์ การที่จะกลับคืนถิ่น อาจกลายเป็นเสือ 2 ตัวมาอยู่ถ้ำเดียวกัน หรืออาจยังมั่นใจในพลังการเมืองของตนเอง ก็สุดจะคาดเดา แต่ที่สุด พรรคมหาชนก็ไปไม่รอด โดยในการเลือกตั้งในปี พ.ศ.2548 นั้น พรรคมหาชน พ่ายแพ้อย่างยับเยิน ได้ ส.ส.มาแค่ 2 คน แม้แต่ตัว เสธ.หนั่น เอง ซึ่งลงสมัครในฐานะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ก็ยังไม่ได้เป็น ส.ส.เพราะได้คะแนนไม่ถึง 5% ตามรัฐธรรมนูญปี 2540 จนทำให้พญาชาละวันผู้ยิ่งใหญ่ ถึงกับต้องหลั่งน้ำตาแห่งความพ่ายแพ้ออกมา

หลังการปิดฉาก พรรคมหาชน ในปี 2550 เสธ.หนั่น ได้พา นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ บุตรชาย เดินทางไปสมัครเข้าพรรคชาติไทย ซึ่งเป็นพรรคสุดท้ายในชีวิตผู้ยิ่งใหญ่แห่ง จ.พิจิตร ผู้นี้ อย่างไรก็ดี ในช่วงระหว่างปี 2552-2553 พล.ต.สนั่น ได้ประกาศว่าในช่วงสุดท้ายชีวิตทางการเมืองนี้ จะขอพยายามผลักดันให้เกิดความปรองดองขึ้นในชาติ เพราะรู้สึกทนไม่ได้กับความแตกแยกสงครามสีในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยไฮไลต์สำคัญ คือการแย้มว่าจะเดินสายไปรับฟังความเห็นและข้อเสนอจากทุกฝ่ายไม่เว้นแม้แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่ที่สุดความพยายามผลักดันเรื่องดังกล่าว ก็หายไปกับสายลม จนเจ้าตัว ถูกสื่อมวลชน ตั้งฉายา ลิ้นชาละวัน ให้กับความล้มเหลวที่กิดขึ้น


อย่างไรก็ดี ในเวลาต่อมา เสธ.หนั่น ได้สร้างไฮไลต์ส่วนตัว ขึ้นอีกวาระเมื่อ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธาน คมช. และหัวหน้าพรรคมาตุภูมิในปัจจุบัน ได้พยายามผลักดัน ร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง จนทำให้เกิดความขัดแย้งทางการเมืองขึ้นมาอีกครั้ง นั้น เสธ.หนั่น ได้ยิง 3 คำถามตรงอันสำคัญใส่หน้า พล.อ.สนธิ ถึงเบื้องหลังการปฏิวัติ 19 ก.ย. จนทำให้ พล.อ.สนธิ ต้องยอมถอยทางการเมือง หยุดการเคลื่อนไหวตัวเองลงชั่วคราว เพื่อหลีกเลี่ยงการที่จะต้องตอบคำถามของ เสธ.หนั่น

อย่างไรก็ดี เสธ.นั่น ถือเป็นผู้ที่ได้รับการเล่าขาน และยอมรับจากทุกฝ่ายว่า เป็นนักเลงตัวจริง เพราะไม่เคยอาฆาตเคียดแค้น ติดใจใคร แม้แต่กระทั่งนักการเมืองฝ่ายตรงข้าม อะไรที่เคยเป็นความขัดแย้งทางการเมือง เมื่อจบแล้วก็จบกัน หลังเวทีการเมืองก็เป็นพี่น้องกันตามปกติ แม้แต่กระทั่ง นายกล้านรงค์ จันทิก เลขาธิการ ป.ป.ช. คู่กรณีที่ทำให้ถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี ก็ยังเอ่ยปากชมและให้การยกย่อง เพราะหลังจากเกิดกรณีดังกล่าวแล้ว ไม่ว่าจะไปเจอกันในงานคราใด เสธ.หนั่น ก็เข้ามาทักทาย ไต่ถามทุกข์สุข กันอย่างเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น 

อย่างไรก็ดี ในวันที่ 12 มี.ค. พ.ศ.2555 พล.ต.สนั่น ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา ก็ได้ประกาศ ยุติบทบาททางการเมือง โดยขอยุติการทำหน้าที่ในฐานะ ส.ส. แต่ยังคงพร้อมที่จะช่วยงานในส่วนของพรรค และงานการเมืองของประเทศต่อไป ปิดฉากการเมือง สำหรับพญาชาละวันผู้ยิ่งใหญ่



อำลาอาลัย "เสธ.หนั่น" : ท่านยิ่งใหญ่ มีน้ำใจ เทียบเท่า "น้าชาติ"

วันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 เวลา 09:15:30 น.





จากการเสียชีวิตของพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ นักการเมืองผู้ยิ่งใหญ่ วานนี้ (15ก.พ.)"มติชนออนไลน์" ขอรวบรวมคำกล่าวไว้อาลัย พลตรีสนั่น ดังนี้


"ยิ่งลักษณ์" : พล.ต.สนั่น เป็นผู้มีประสบการณ์สูง

"ขอแสดงความเสียใจต่อการเสียชีวิต เพราะว่าพล.ต.สนั่น เป็นผู้ที่มีประสบการณ์ในการบริหารประเทศและบ้านเมือง นอกจากนี้ขอแสดงความเสียใจกับนายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ บุตรชายของพล.ต.สนั่น ด้วย"

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี 


"อภิสิทธิ์" : ท่านเป็นคนมีน้ำใจทางการเมือง

"ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวพล.ต.สนั่น คนของพรรคประชาธิปัตย์มีความผูกพันกับพล.ต.สนั่น มาในอดีต โดยเฉพาะช่วงที่เป็นเลขาธิการพรรคอย่างยาวนาน ผมได้เข้ามาในพรรคประชาธิปัตย์ช่วงที่พล.ต.สนั่น เป็นเลขาธิการพรรคด้วย พล.ต.สนั่น เป็นคนมีน้ำใจทางการเมือง โดยเฉพาะทำงานสนับสนุนในช่วงที่ผมดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งพล.ต.สนั่น เป็นบุคคลสำคัญในการประสานงานกับทุกฝ่ายและทุ่มเทการทำงานอย่างเต็มที่ จึงอยากให้นักการเมืองรุ่นใหม่นำมาเป็นแบบอย่างในการทำงาน"

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์  วงเวียนใหญ่ 15 ก.พ. 2556


"สุขุมพันธุ์" : "เสธ.หนั่น" ยิ่งใหญ่ เทียบเท่า น้าชาติ
           
"ประเทศไทยได้สูญเสียนักการเมืองที่ยิ่งใหญ่ พล.ต.สนั่น ถือว่าผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านทุกข์ยากมาหลายเรื่อง แต่จิตใจก็ยังมั่นคงในระบอบประชาธิปไตย พล.ต.สนั่น ไม่มีศัตรู เป็นลักษณะเดียวกับพล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ มีบุคคลิกเป็นมิตรกับทุกฝ่าย ใครทำอะไรก็ไม่ถือสา พร้อมปรองดองสมานฉันท์ทุกเมื่อ นักการเมืองแบบนี้หายาก ผมจึงขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวพล.ต.สนั่น ในการสูญเสียครั้งนี้ด้วย"
                                                                                                                                                                       ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.พรรคประชาธิปัตย์


"ตุ่น จินตะเวช" : จะสานต่อปรองดองตามเจตนารมณ์
 
"ผมเสียใจ และเสียดายที่วงการการเมืองไทยได้สูญเสียนักการเมืองน้ำดีอย่าง พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ที่ผ่านมาท่านยึดมั่นในหลักของการสร้างความสันติ และ ปรองดองของชาติมาโดยตลอด ไม่ทะเลาะกับใคร ดังนั้นเชื่อว่าทางพรรคจะช่วยสานต่อแนวคิดการสร้างความปรองดองของเสธ.หนั่น ต่อไป"
                                                   
นายตุ่น จินตะเวช ส.ส.อุบลราชธานี พรรคชาติไทยพัฒนา

"พงศพัศ" : เสียใจอย่างสุดซึ้ง

"ขอแสดงความเสียใจและไว้อาลัยต่อการจากไปของท่านพลตรีสนั่น ขจรประศาสน์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, กระทรวงอุตสาหกรรม, กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงคมนาคม อย่างสุดซึ้งครับ"

พลตำรวจเอก พงศพัศ พงษ์เจริญ  ผู้สมัครผู้ว่า กทม. พรรคเพื่อไทย


"ชวน หลีกภัย" : ผมเพิ่งไปเยี่ยมท่านมา

"เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมได้ไปเยี่ยมพล.ต.สนั่น ที่โรงพยาบาลและได้เขียนหนังสือเยี่ยมให้กำลังใจ ผมขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวพล.ต.สนั่น ด้วย"

นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์



"สมศักดิ์" : แม้จะอยู่ชทพ.ช่วงสั้นๆ แต่มีส่วนช่วยพรรคอย่างมาก

"ถือเป็นสิ่งที่น่าเสียดาย เพราะพล.ต.สนั่น ถือเป็นนักการเมืองที่ส.ส.และนักการเมืองทุกคนให้ความเคารพนับถือ แม้ว่าพล.ต.สนั่น จะอยู่ในพรรคชาติไทยพัฒนาในช่วงระยะเวลาสั้นๆ แต่ท่านก็มีส่วนช่วยพรรคได้อย่างมาก โดยเฉพาะในเรื่องของการเดินหน้าถนนสายปรองดอง และยังถือว่าเป็นผู้มีคุณูปการกับประเทศ อาทิ ช่วงที่ท่านดำรงตำแน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้เดินหน้าผลักดันนโยบายแก้ไขปัญหาตัดไม้ทำลายป่า"

นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา


"ถาวร" : ท่านอย่าได้กังวล ผมจะสานต่อเรื่องปรองดองเอง

"ผมภาคภูมิใจในตัวท่านและผลงานของท่านมาก ขอให้แบบอย่างของท่านจงเป็นแบบอย่างของพวกเรานักการเมือง โดยเฉพาะการให้อภัย การเป็นมิตรกับเพื่อนฝูงทุกฝ่าย และคิดในทางที่ก้าวหน้าเป็นบวกมาตลอด ขอให้ดวงวิญญาณท่านไปสู่สุคติ อย่าได้กังวลงานที่ค้างอยู่ เพราะพวกผมจะได้สานต่อ โดยเฉพาะเรื่องการปรองดอง คือคนผิดจะต้องรับผิดก่อน ส่วนการให้อภัยต้องตามมาภายหลัง แต่อยู่บนความพึงพอใจของทุกฝ่าย นอกจากนี้จะสานต่อท่านเรื่องการพัฒนาบ้านเมืองและพัฒนาระบอบประชาธิปไตย อันมีประมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขด้วย"

นายถาวร เสนเนียม รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ 

เตือนภัยสแปมบนเฟซบุ๊ก


Pic_325241

ยุคนี้เป็นยุคสังคมออนไลน์อย่างแท้จริง ยิ่งตอนนี้ทุกอย่างถูกจับลงไปในมือถือ เราจึงอยู่กับมันได้ทุกที่ ทุกเวลา ตื่นมาก็ต้องเช็กข่าวสารความเป็นไป ก่อนกินข้าวก็ต้องถ่ายรูปลงเฟซบุ๊ก เม้าท์มอยผ่านแอพแชท แม้แต่จะบ่นอะไรก็ต้องลงเฟซบุ๊ก เผื่อคนที่เราบ่นถึงจะได้ยิน ถ้าขาดไป หลายคนคงขาดใจตาย

เมื่อผู้ใช้งานมารวมกันมากๆ ย่อมมีผู้ไม่ประสงค์ดีใช้เฟซบุ๊ก เป็นเครื่องมือในการหลอกลวงและขโมยข้อมูลส่วนตัวของคุณ
รูปแบบสแปมบนเฟซบุ๊ก ก็มีมากมาย ตั้งแต่ปลอมเป็นแอพที่เห็นแล้วอยากกด ไม่ว่าจะเป็นแอพตรวจสอบว่าใครมาแอบดูโปรไฟล์คุณบ้าง แอพแต่งหน้าเฟซบุ๊ก รวมไปถึงคลิปโป๊เปลือยต่างๆ

ถ้าเผลอกดเมื่อไหร่ก็จะโดนขโมยข้อมูลแบบไม่รู้ตัว 

รูปแบบการทำสแปมนี้ก็พัฒนาไปเรื่อยๆ โดยจับเอาจุดอ่อนของผู้ใช้เป็นหลัก จนหลายคนตามไม่ทัน

วันพฤหัสบดีที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ไม้เถื่อนเกลื่อนพิษณุโลก วันเดียวจับ 2 รายซ้อน

           
จนท.ป่าไม้บุกยึดบ้านไม้ตีแปะเนินมะปราง เจ้าของยอมรับรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เลื่อยไม้เถื่อนสร้างบ้าน ขณะที่ป่าไม้ชาติตระการ พร้อม ตชด.-กอ.รมน.ทภ.3 เข้ายึดไม้สัก-ไม้ประดู่อายุกว่า 100 ปีกลางป่าสงวนฯ อีก แต่ไร้เงาผู้ต้องหา คาดไหวตัวหลบหนีไปได้ก่อน



  วันนี้ (13 ก.พ. 56) นายนันพงษ์ คำปิน หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ พล 5 (ซุ้มขี้เหล็ก) และนายธีรพล กาญจนโกมล หัวหน้าชุดปฏิบัติการพิเศษภาคเหนือที่ 1 สำนักอนุรักษ์ที่ 11 นำกำลังป่าไม้นับสิบนาย พร้อมอาวุธและเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ไทรย้อย ลงพื้นที่ตรวจสอบและยึดบ้านไม้จำนวน 1 หลัง ที่ตีแปะด้วยไม้แปรรูปจำนวน 502 แผ่น ปริมาตร 4 ลบ.ม. และยึดไม้สักท่อนจำนวน 12 ต้น ปริมาตร 3.91 ลบ.ม.ที่ปลูกเป็นเสาบ้านไม่มีบ้านเลขที่ บริเวณบ้านไทรดงยั้ง หมู่ 2 ต.วังยาง อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก ทั้งยังสามารถจับกุมผู้กระทำผิด 1 คน ทราบชื่อต่อมาคือ นายชยาทิต ปาดจักร อายุ 37 ปี เลขที่ 64 หมู่ 9 ต.ท่าสะแก อ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก
       



       
     
       โดยนายชยาทิตรับสารภาพว่า เป็นเจ้าของบ้านไม้สักหลังดังกล่าวจริง โดยซื้อไม้มาว่าจ้างให้ช่างแปรรูปแล้วนำมาตีแปะเพื่อเป็นที่อยู่อาศัย
       
       เจ้าหน้าที่ป่าไม้จึงได้ตรวจยึดของกลางทั้งหมด พร้อมนำผู้ต้องหาส่ง รตอ.วิเชียร เมฆดี ร้อยเวร สภ.ไทรย้อย เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 มาตรา 48 มาตรา 69 และมาตรา 54 ทำไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตฯ และมีไม้แปรรูปไม่มีรูปรอยตราค่าภาคหลวงตีประทับ และ พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 มาตรา 14 กระทำการเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ
       
       ด้านนายชยาทิต ปาดจักร ผู้ต้องหา เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เสียใจและคิดมาก ตนมีอาชีพทำไร่ทำนา จำนำที่นาเพื่อไปซื้อไม้มาแปรรูป มารู้ทีหลังว่าเป็นไม้ไม่ถูกต้อง จากนี้ต่อไปก็ขึ้นอยู่กับศาลจะเมตตา
       
       วันเดียวกัน นายปรีชา พันธุ์รู้ดี หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ พล.12 (แก่งบัวคำ) และตำรวจตระเวนชาติแดน 315 อ.ชาติตระการ, เจ้าหน้าที่ทหาร กอ.รมน. กองทัพภาคที่ 3 ได้ยึดไม้ของกลางจำนวนมาก ประกอบด้วยไม้สักท่อน จำนวน 9 ท่อน ไม้ประดู่ขนาด 6 คนโอบ จำนวน 10 ท่อน และไม้ประดู่แปรรูปอีกจำนวนหนึ่งได้ที่บริเวณป่าบ้านแก่งบัวคำ ม.7 ต.สวนเมี่ยง อ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าสวนเมี่ยง และอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งเจ็ดแคว
       
       การจับกุมไม้เถื่อนล็อตนี้เกิดขึ้นหลังเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า มีการลักลอบตัดโค่นไม้ในบริเวณดังกล่าว จึงนำกำลังเข้าตรวจสอบพบมีการลักลอบตัดโค่นไม้ไม้สัก และไม้ประดู่ขนาด 6 คนโอบ อายุกว่า 100 ปี และมีการแปรรูปไม้ในพื้นที่เกิดเหตุจริง แต่ไม่พบตัวผู้กระทำผิด คาดว่าจะไหวตัวทันหลบหนีก่อนเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ
       
       เจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจยึดไม้ทั้งหมดเป็นของกลาง พร้อมรวบรวมหลักฐานนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ชาติตระการ ทำการสอบสวนหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

วันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

โจรใต้เหิมบุกถล่มฐานนาวิกยิงดับ17

หลังบุกเข้าโจมตีฐานปฏิบัติการณ์ ร้อยปืนเล็กที่ 2 จ.นราธิวาส รู้การข่าวล่วงหน้าวางกองกำลังตั้งรับ
          วันที่ 13 ก.พ.56  เมื่อเวลา 03.00 น. เกิดเหตุกลุ่มคนร้ายซึ่งเป็นกองกำลังติดอาวุธอาร์เคเค มากกว่า 30 คน พร้อมอาวุธ บุกโจมตีฐานปฏิบัติการณ์ ร้อยปืนเล็กที่ 2 ชุดเฉพาะกิจ นราธิวาส 32 ซึ่งตั้งอยู่ หมู่ที่ .3 บ้านยือลอ ต.บาเร๊ะเหนือ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส โดยเจ้าหน้าที่นาวิกโยธินประจำฐานปฏิบัติการณ์ดังกล่าว สืบทราบมาก่อนล่วงหน้า จึงวางกำลังประจำบังเกอร์และตามแนวรายรอบฐานไว้อย่างแน่นหนา  และเกิดการยิงปะทะกับกองกำลังติดอาวุธ ที่ได้แบ่งกำลังเป็น 2 ชุดปฏิบัติการณ์ เข้าโจมตีมีการปะทะกันเกิดขึ้นนาน 20 นาที

          ขณะเดียวกันกองกำลังติดอาวุธอีก 1 ชุด ได้สกัดกั้นการเข้าสนับสนุนของเจ้าหน้าที่ ด้วยการโปรยตะปูเรือใบและวางวัตถุต้องสงสัยไว้ทั่วบริเวณ อย่างไรก็ตาม น.ท.ธรรมนูญ วรรณา ผบ.ฉก.นราธิวาส 32 และเรือเอกเมธา คงเจริญ ผบ.ร้อยปืนเล็กที่ 2 พร้อมกำลังพล  ได้ยิงสกัดกั้นการบุกโจมตีฐานไว้ได้อย่างสำเร็จ และเมื่อสิ้นเสียงปืน จากการเคลียร์พื้นที่โดยรอบ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่นาวิกโยธินสามารถวิสามัญกองกำลังติดอาวุธ  รวม 17 ราย  พร้อมยึดปืนสงครามและปืนพกสั้นรวม 20 กระบอก รถกระบะของกองกำลัง1 คัน และคาดว่า 1 ในผู้เสียชีวิตจะมีระดับแกนนำปฏิบัติการณ์ มีหมายจับ ป.วิอาญานับสิบคดีคือนายมะรอโซ จันทราวดี รวมอยู่ด้วย

          ขณะนี้กองวิทยาการ จ.นราธิวาสอยู่ระหว่าง ทำการพิสูจน์เอกลักษณ์ของคนร้ายที่เสียชีวิตอย่างละเอียด เพื่อยืนยันในตัวบุคคล   สำหรับที่มาของการก่อเหตุเชื่อว่าเป็นการตอบโต้หลังเจ้าหน้าที่วิสามัญนายสุไฮดี ตาเห แกนนำมีหมายจับ ป.วิอาญาที่เคลื่อนไหวก่อเหตุในพื้นที่ อ.บาเจาะ ยี่งอ จ.นราธิวาส รวมทั้ง อ.สายบุรี จ.ปัตตานี เสียชีวิต ก่อนหน้านี้

รักษาการ ผบก.นราฯเผยคนร้ายบุกฐานกว่า100 คน

          ทางด้าน พ.ต.อ.มนัส ศิกษมัต  รักษาราชการแทน ผบก.นราธิวาส เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 01.10 น. ได้มีคนร้ายแต่งกายคล้ายทหารนาวิกโยธินกว่า 100 คน บุกเข้าโจมตีฐานปฏิบัติการณ์ ร้อยปืนเล็กที่ 2 ชุดเฉพาะกิจ นราธิวาส 32 ซึ่งตั้งอยู่ หมู่ที่ .3 บ้านยือลอ ต.บาเร๊ะเหนือ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส แต่เนื่องจากได้รับความร่วมมือจาก 3 ฝ่าย คือ ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครองและประชาชนในพื้นที่  จึงทราบการข่าวล่วงหน้า และมีการตั้งรับ จึงสามารถตอบโต้กับกองกำลังดังกล่าว จนทำให้มีฝ่ายตรงข้ามเสียชีวิต 17 ราย  ยึดอาวุธสงคราม ได้ 15 กระบอก ปืนสั้น 2 กระบอก รถยนต์ 1 คัน ซึ่งอาวุธที่ยึดได้ส่วนหนึ่งเป็นอาวุธที่ยึดมาจากค่ายทหาร 
          พ.ต.อ.มนัส กล่าวว่า จากการตรวจสอบ ผู้เสียชีวิตพบว่า มีนาย นายมะรอโซ จันทราวดี ซึ่งผู้ที่สังหารครูชลธี เจริญชล ครูโรงเรียนบ้านตันหยง อ.บาเจาะ เสียชีวิตคาโรงอาหาร เมื่อวันที่ 23 ม.ค.ที่ผ่านมา รวมอยู่ด้วย และจาการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าคนร้ายทุกคนสวมเสื้อเกราะ ขณะนี้ศพของคนร้ายทั้งหมดยังอยู่ในพื้นที่เพื่อรอการชันสูตร ส่วนคนร้ายที่เหลือทางเจ้าหน้าที่ได้เร่งติดตามอย่างเร่งด่วน

วันอังคารที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

เด็ก ม.3โรงเรียนดังชาติตระการ ก่อเหตุสยอง แทงครูฝ่ายปกครองสาหัส


รวบแล้ว นร.ม.3 ชาติตระการ แทงครูสาหัส บอกเครียดถูกจ้ำจี้จ้ำไชให้ตั้งใจเรียน
 จับได้แล้วนักเรียน ม.3 โรงเรียนมัธยมชาติตระการ เมืองสองแควโหด ใช้มีดแทงครูปกครองสาหัส อ้างเครียด-แค้นอาจารย์จ้ำจี้จำไช ให้ตั้งใจเรียนตั้งแต่ ม.1 บอกพอโดดเรียน 1 วันถูกทำโทษให้ถางหญ้าตลอด จนอายเพื่อน ขณะที่ครูเหยื่อคมมีดอาการปลอดภัยแล้ว พร้อมให้อภัยศิษย์
       
       เย็นวันนี้ (12 ก.พ. 56) ที่ห้องประชุมตำรวจภูธรจังหวัดพิษณุโลก พล.ต.ต.พชร บุญญสิทธิ์ ผบก.ภ.จว.พิษณุโลก, พ.ต.อ.นฤชา สุวรรณลาภา รอง ผบก., พ.ต.อ.เผชิญ ตันศิริ ผกก.สภ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมนายเอ (นามสมมติ) อายุ 15 ปี นักเรียนชายชั้นมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 3 โรงเรียนชาติตระการพิทยา จ.พิษณุโลก ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดพิษณุโลก เลขที่ จ.7/2556 ลงวันที่ 12 ก.พ. 2556 ในข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่น พร้อมของกลางอาวุธมีดปลายแหลมยาว 1 ฟุต 1 เล่ม จักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นโนวา สีแดง ทะเบียน กธฉ 709 อุตรดิตถ์ ที่ใช้หลบหนีหลังก่อเหตุ
       
       การจับกุมผู้ต้องหารายนี้มีขึ้นหลัง พ.ต.ต.ณัฐวรรษ พรมปลูก พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการ สภ.ชาติตระการ รับแจ้งจากโรงพยาบาลชาติตระการว่า ว่าที่ร้อยตรี บรรจง อินทุภูติ อายุ 37 ปี อาจารย์ประจำภาควิชาสังคม และเป็นอาจารย์ฝ่ายปกครองของโรงเรียนชาติตระการพิทยา ถูกนักเรียนในโรงเรียนใช้อาวุธมีดแทงบาดเจ็บสาหัส และมีการส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลพุทธชินราช
       
       ต่อมาชุดสืบสวนทราบว่า ผู้ที่ลงมือก่อเหตุคือนายเอ (นามสมมติ) อายุ 15 ปี นักเรียนชั้น ม.3 ที่หลบหนีไปหลังก่อเหตุ ชุดสืบสวนจึงได้ลงพื้นที่ตามบ้านเพื่อน-ญาติของผู้ต้องหา พร้อมขออนุมัติหมายจับ จนกระทั่งสืบทราบว่าคนร้ายได้หลบหนีไปอยู่ชายป่าเชิงเขา ต.ป่าแดง อ.ชาติตระการ ห่างจากที่เกิดเหตุไม่มากนัก และพบจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นโนวา สีแดง ทะเบียน กธฉ 709 อุตรดิตถ์ ที่ใช้หลบหนีหลังก่อเหตุจอดอยู่ชายป่าดังกล่าวด้วย จึงได้กระจายกำลังเข้าตรวจสอบและสามารถจับกุมได้ในที่สุด
       
       เบื้องต้นนายเอ ผู้ต้องหาในคดีนี้ให้การว่า ได้วางแผนที่จะทำการสั่งสอนอาจารย์บรรจง ซึ่งเป็นอาจารย์ฝ่ายปกครองของโรงเรียนที่มาคอยจ้ำจี้จ้ำไชให้ตนขยันมาโรงเรียน และให้ตั้งใจเรียนตั้งแต่ตนอยู่ชั้น ม.1 เพราะตนเองโดดเรียนหลายครั้ง และมักถูกอาจารย์บรรจงทำโทษ โดยเมื่อขาดเรียน 1 วันก็จะใช้ให้ไปถางหญ้าใต้ต้นไม้รอบโรงเรียนเป็นเวลา 1 เดือน ทำให้ตนเองรู้สึกกดดัน โกรธแค้น และเจ็บใจเป็นอย่างมาก 
       
       ก่อนลงมือประมาณ 3 วัน ตนได้สะสมเงินไว้จำนวน 1,000 บาทเพื่อใช้เป็นการหลบหนี และได้เตรียมอาวุธมีดปลายแหลมมาจากบ้านพัก ซุกซ่อนไว้ในกระเป๋านักเรียน หลังจากที่เรียนหนังสือไป 1 คาบ ได้ไปบอกกับอาจารย์บรรจงว่ามีนักเรียนโดดเรียนไปมั่วสุ่มอยู่ที่ชายป่าด้านหลังโรงเรียน พร้อมอาสาพาอาจารย์ไปจับนักเรียนที่โดดเรียนกลับมาโรงเรียน โดยนั่งซ้อนท้ายจักรยานยนต์ไป เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุจึงได้ชักอาวุธมีดแทงที่ไหล่อาจารย์ 1 ครั้ง ก่อนจะถูกอาจารย์แย่งมีดไปได้ ตนจึงได้วิ่งไปเอาจักรยานยนต์ที่จอดไว้ข้างโรงเรียนขับหลบหนีมาอยู่ที่กระท่อมชายป่า จนกระทั่งถูกตำรวจจับกุมได้ในที่สุด