นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า มั่นใจว่าร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท จะมีการพิจารณาวาระที่ 2 และ 3 ในวันที่ 19-20 กันยายนนี้ และน่าจะผ่านการพิจารณาได้ เนื่องจากโครงการต่าง ๆ ที่บรรจุไว้ในแผนกู้เงินมีความชัดเจนครบถ้วนทั้งรายละเอียด ผลการศึกษา ตามขั้นตอนของกฎหมายทุกอย่าง
"โครงการลงทุน 2 ล้านล้าน จะทำให้เกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศด้านการท่องเที่ยว เชื่อมการค้ากับอาเซียน กระจายความเจริญสู่หัวเมืองภูมิภาค และเกิดการจ้างงานที่จะมีการก่อสร้างโครงการทั่วประเทศ หัวใจคือการเชื่อมโยงคมนาคมจะลิงก์ถึงกันหมด" นายชัชชาติกล่าว
30 จังหวัดทำเลทองอสังหาฯ
นายชาติชาย พยุหนาวีชัย รองกรรมการผู้จัดการธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การลงทุนโครงการ 2 ล้านล้านบาท จะไม่มีผลต่อสภาพคล่องของธนาคาร เนื่องจากใช้เงินลงทุนเฉลี่ยปีละ 3 แสนล้านบาท ทยอยลงทุน 7 ปี ขณะที่จะเป็นผลดีต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์และค้าปลีกในต่างจังหวัด
"กรุงเทพฯและปริมณฑลจะคงที่ ทิศทางการลงทุนคอนโดมิเนียมจะเหมาะสมที่สุด ตลาดต่างจังหวัดมีหลายอย่างที่หนุนให้โต มีโครงการ 2 ล้านล้าน เออีซี การขยายตัวของสังคมเมืองมายังหัวเมืองใหญ่มากขึ้น"
สำหรับจังหวัดที่มีศักยภาพในการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในอนาคต ประเมินจาก 3 ปัจจัยเกื้อหนุน คือ 1.มีรายได้ประชากรต่อหัวสูง 2.มีกิจกรรมการค้าชายแดน 3.ได้รับประโยชน์จากโครงการภาครัฐ แยกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มแรกดูจากรายได้ประชากรต่อหัวสูงกับโครงการภาครัฐ มี 18 จังหวัด ได้แก่ พิษณุโลก อุดรธานี ขอนแก่น นครสวรรค์ ลพบุรี นครราชสีมา สระบุรี นครนายก ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง ราชบุรี เพชรบุรี ชุมพร สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต ยะลา กับกลุ่มที่ 2 เป็นกลุ่มจังหวัดมีทั้ง 3 ปัจจัยหนุน มี 12 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ หนองคาย มุกดาหาร อุบลราชธานี ตาก กาญจนบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ตราด ระนอง สงขลา นราธิวาส
ด้านยุทธศาสตร์ของกสิกรไทย นายชาติชายกล่าวว่า มี 15 จังหวัดในการปักธงทำธุรกิจ ได้แก่ เชียงใหม่ อุดรธานี อุบลราชธานี ขอนแก่น นครราชสีมา พัทยา-ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี สงขลา สมุทรสาคร พระนครศรีอยุธยา ราชบุรี และนครปฐม
"จังหวัดที่กล่าวมาทั้งหมดนี้จะมีการเติบโตที่เร็ว เกิดสังคมเมืองและมีรายได้มากขึ้น หลังจากนี้ทุนท้องถิ่นก็ต้องปรับตัวรับด้วย" นายชาติชายกล่าว
เซ็นทรัลปักธงลงทุน
นายนริศ เชยกลิ่น รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายการเงินและบัญชี บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) และนายกสมาคมศูนย์การค้าไทย กล่าวว่า กลุ่มเซ็นทรัลมองการเติบโตตลาดต่างจังหวัดตั้งแต่ 10 ปีที่แล้ว ประเมินจากสังคมเมืองจังหวัดใหญ่ ๆ ที่เติบโตขึ้น ปัจจุบันมีศูนย์การค้าต่างจังหวัด 11 แห่ง สิ้นปีนี้จะเพิ่มเป็น 13 แห่งในระยะเวลาเพียง 10 ปี มากกว่าศูนย์การค้าในกรุงเทพฯ ที่ใช้เวลาพัฒนา 30 ปีมี 10 แห่ง
"เราให้ความสำคัญมากคือระบบโครงสร้างพื้นฐานของรัฐเป็นองค์ประกอบสำคัญในการเลือกทำเล และมีผลอย่างมากต่อการทำธุรกิจ ถ้า (รัฐ) ช้าจะทำให้เศรษฐกิจชะงัก ไม่เกิดการลงทุน"
นายนริศกล่าวว่า ที่สำคัญเมื่อโครงการ 2 ล้านล้านเกิด จะมีผลต่อการขยายตัวของประชากรในกรุงเทพฯ ทำให้การเคลื่อนย้ายถิ่นที่อยู่อาศัยจากกรุงเทพฯไปสู่ต่างจังหวัดมากขึ้น รองรับกับการพัฒนาโครงการใหม่ ๆที่จะไปตามแนวพื้นที่ก่อสร้าง 2 ล้านล้าน โดยเฉพาะบริเวณหัวเมืองใหญ่และประตูการค้าชายแดน ดังนั้นต่อไปตลาดภูมิภาคจะมีศักยภาพในการลงทุนและเติบโตอีกมาก การเติบโตของกรุงเทพฯจะน้อยลง
"ไลฟ์สไตล์คนต่างจังหวัดจะเปลี่ยนไปแน่นอน จากประสบการณ์ของเราในจังหวัดใหญ่จะเปลี่ยนใน 2 ปี จังหวัดรอง 3 ปี"
แสนสิริเตรียมลงทุนเพิ่ม
นายอภิชาติ จูตระกูล ประธานอำนวยการบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบันแสนสิริให้ความสำคัญกับการลงทุนตลาดต่างจังหวัดมากขึ้นในรอบ 3 ปีมานี้ จาก 3% ขยับเป็น 40% ให้ครอบคลุมมากขึ้น เช่น เชียงราย ภูเก็ต เชียงใหม่ ขอนแก่น โคราช จากเดิมมีแค่ตลาดหัวหิน
"แนวโน้มการพัฒนาประเทศไทยจะไม่ใช่กรุงเทพฯ เพราะมีการกระจายรายได้ไปหัวเมืองมากขึ้น เรียกว่าเงินต่อเงิน เกิดจากการที่เราตามไปลงทุน เงินจะไปหมุนทำให้เกิดการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ปัจจุบันวิวัฒนาการต่าง ๆ เข้าถึงคนต่างจังหวัดมากขึ้น ไลฟ์สไตล์รับได้เหมือนคนกรุงเทพฯทุกอย่าง"
สำหรับแผนลงทุนต่างจังหวัดในปี 2557 นายอภิชาติกล่าวว่า เตรียมลงทุนเพิ่มแต่จะไม่เร่งรีบมาก ค่อยเป็นค่อยไป ไม่ต้องการโตมากไปกว่านี้ ต้องดูภาวะเศรษฐกิจโลกและประเทศโดยรวมควบคู่ไปด้วย
"ตอนนี้ที่ดูอยู่ก็มีที่ อ.แม่สอด ส่วน จ.บึงกาฬยังเป็นอนาคต ซึ่งหนองคายเราไม่ไปเพราะสำรวจแล้วคนลาวจะข้ามฝั่งมาไทยแล้วไปทางอุดรฯ เพราะห่างจากหนองคาย 30-40 นาที ด้าน จ.เชียงรายที่เราตัดสินใจไปลงทุนเพราะเป็นเกตเวย์การลงทุนไปจีน" นายอภิชาติกล่าวและว่าแสนสิริทำแผนลงทุนล้อไปตามแนวการลงทุนของโครงการรัฐบาล ตลาดใหม่ ๆ ดูหลายจังหวัด เช่น หัวหิน ภูเก็ต อุดรฯยังขยายอย่างต่อเนื่อง โครงการลงทุน 2 ล้านล้านกว่าจะมาอีก 7 ปีก็ต้องค่อย ๆ ทำ ทั้งนี้เห็นด้วยที่รัฐจะเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศให้เสร็จใน 7 ปี เพราะเวลาเป็นเรื่องสำคัญ เป็นเรื่องใหญ่มาก ถ้าไม่ได้ทำจะแข่งขันไม่ได้ในอนาคต เงินตราไม่เข้าประเทศ ที่สำคัญจะส่งผลดีต่อภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และคนไทยเป็นอย่างมาก
"โครงการลงทุน 2 ล้านล้าน จะทำให้เกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศด้านการท่องเที่ยว เชื่อมการค้ากับอาเซียน กระจายความเจริญสู่หัวเมืองภูมิภาค และเกิดการจ้างงานที่จะมีการก่อสร้างโครงการทั่วประเทศ หัวใจคือการเชื่อมโยงคมนาคมจะลิงก์ถึงกันหมด" นายชัชชาติกล่าว
30 จังหวัดทำเลทองอสังหาฯ
นายชาติชาย พยุหนาวีชัย รองกรรมการผู้จัดการธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การลงทุนโครงการ 2 ล้านล้านบาท จะไม่มีผลต่อสภาพคล่องของธนาคาร เนื่องจากใช้เงินลงทุนเฉลี่ยปีละ 3 แสนล้านบาท ทยอยลงทุน 7 ปี ขณะที่จะเป็นผลดีต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์และค้าปลีกในต่างจังหวัด
"กรุงเทพฯและปริมณฑลจะคงที่ ทิศทางการลงทุนคอนโดมิเนียมจะเหมาะสมที่สุด ตลาดต่างจังหวัดมีหลายอย่างที่หนุนให้โต มีโครงการ 2 ล้านล้าน เออีซี การขยายตัวของสังคมเมืองมายังหัวเมืองใหญ่มากขึ้น"
สำหรับจังหวัดที่มีศักยภาพในการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในอนาคต ประเมินจาก 3 ปัจจัยเกื้อหนุน คือ 1.มีรายได้ประชากรต่อหัวสูง 2.มีกิจกรรมการค้าชายแดน 3.ได้รับประโยชน์จากโครงการภาครัฐ แยกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มแรกดูจากรายได้ประชากรต่อหัวสูงกับโครงการภาครัฐ มี 18 จังหวัด ได้แก่ พิษณุโลก อุดรธานี ขอนแก่น นครสวรรค์ ลพบุรี นครราชสีมา สระบุรี นครนายก ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง ราชบุรี เพชรบุรี ชุมพร สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต ยะลา กับกลุ่มที่ 2 เป็นกลุ่มจังหวัดมีทั้ง 3 ปัจจัยหนุน มี 12 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ หนองคาย มุกดาหาร อุบลราชธานี ตาก กาญจนบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ตราด ระนอง สงขลา นราธิวาส
ด้านยุทธศาสตร์ของกสิกรไทย นายชาติชายกล่าวว่า มี 15 จังหวัดในการปักธงทำธุรกิจ ได้แก่ เชียงใหม่ อุดรธานี อุบลราชธานี ขอนแก่น นครราชสีมา พัทยา-ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี สงขลา สมุทรสาคร พระนครศรีอยุธยา ราชบุรี และนครปฐม
"จังหวัดที่กล่าวมาทั้งหมดนี้จะมีการเติบโตที่เร็ว เกิดสังคมเมืองและมีรายได้มากขึ้น หลังจากนี้ทุนท้องถิ่นก็ต้องปรับตัวรับด้วย" นายชาติชายกล่าว
เซ็นทรัลปักธงลงทุน
นายนริศ เชยกลิ่น รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายการเงินและบัญชี บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) และนายกสมาคมศูนย์การค้าไทย กล่าวว่า กลุ่มเซ็นทรัลมองการเติบโตตลาดต่างจังหวัดตั้งแต่ 10 ปีที่แล้ว ประเมินจากสังคมเมืองจังหวัดใหญ่ ๆ ที่เติบโตขึ้น ปัจจุบันมีศูนย์การค้าต่างจังหวัด 11 แห่ง สิ้นปีนี้จะเพิ่มเป็น 13 แห่งในระยะเวลาเพียง 10 ปี มากกว่าศูนย์การค้าในกรุงเทพฯ ที่ใช้เวลาพัฒนา 30 ปีมี 10 แห่ง
"เราให้ความสำคัญมากคือระบบโครงสร้างพื้นฐานของรัฐเป็นองค์ประกอบสำคัญในการเลือกทำเล และมีผลอย่างมากต่อการทำธุรกิจ ถ้า (รัฐ) ช้าจะทำให้เศรษฐกิจชะงัก ไม่เกิดการลงทุน"
นายนริศกล่าวว่า ที่สำคัญเมื่อโครงการ 2 ล้านล้านเกิด จะมีผลต่อการขยายตัวของประชากรในกรุงเทพฯ ทำให้การเคลื่อนย้ายถิ่นที่อยู่อาศัยจากกรุงเทพฯไปสู่ต่างจังหวัดมากขึ้น รองรับกับการพัฒนาโครงการใหม่ ๆที่จะไปตามแนวพื้นที่ก่อสร้าง 2 ล้านล้าน โดยเฉพาะบริเวณหัวเมืองใหญ่และประตูการค้าชายแดน ดังนั้นต่อไปตลาดภูมิภาคจะมีศักยภาพในการลงทุนและเติบโตอีกมาก การเติบโตของกรุงเทพฯจะน้อยลง
"ไลฟ์สไตล์คนต่างจังหวัดจะเปลี่ยนไปแน่นอน จากประสบการณ์ของเราในจังหวัดใหญ่จะเปลี่ยนใน 2 ปี จังหวัดรอง 3 ปี"
แสนสิริเตรียมลงทุนเพิ่ม
นายอภิชาติ จูตระกูล ประธานอำนวยการบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบันแสนสิริให้ความสำคัญกับการลงทุนตลาดต่างจังหวัดมากขึ้นในรอบ 3 ปีมานี้ จาก 3% ขยับเป็น 40% ให้ครอบคลุมมากขึ้น เช่น เชียงราย ภูเก็ต เชียงใหม่ ขอนแก่น โคราช จากเดิมมีแค่ตลาดหัวหิน
"แนวโน้มการพัฒนาประเทศไทยจะไม่ใช่กรุงเทพฯ เพราะมีการกระจายรายได้ไปหัวเมืองมากขึ้น เรียกว่าเงินต่อเงิน เกิดจากการที่เราตามไปลงทุน เงินจะไปหมุนทำให้เกิดการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ปัจจุบันวิวัฒนาการต่าง ๆ เข้าถึงคนต่างจังหวัดมากขึ้น ไลฟ์สไตล์รับได้เหมือนคนกรุงเทพฯทุกอย่าง"
สำหรับแผนลงทุนต่างจังหวัดในปี 2557 นายอภิชาติกล่าวว่า เตรียมลงทุนเพิ่มแต่จะไม่เร่งรีบมาก ค่อยเป็นค่อยไป ไม่ต้องการโตมากไปกว่านี้ ต้องดูภาวะเศรษฐกิจโลกและประเทศโดยรวมควบคู่ไปด้วย
"ตอนนี้ที่ดูอยู่ก็มีที่ อ.แม่สอด ส่วน จ.บึงกาฬยังเป็นอนาคต ซึ่งหนองคายเราไม่ไปเพราะสำรวจแล้วคนลาวจะข้ามฝั่งมาไทยแล้วไปทางอุดรฯ เพราะห่างจากหนองคาย 30-40 นาที ด้าน จ.เชียงรายที่เราตัดสินใจไปลงทุนเพราะเป็นเกตเวย์การลงทุนไปจีน" นายอภิชาติกล่าวและว่าแสนสิริทำแผนลงทุนล้อไปตามแนวการลงทุนของโครงการรัฐบาล ตลาดใหม่ ๆ ดูหลายจังหวัด เช่น หัวหิน ภูเก็ต อุดรฯยังขยายอย่างต่อเนื่อง โครงการลงทุน 2 ล้านล้านกว่าจะมาอีก 7 ปีก็ต้องค่อย ๆ ทำ ทั้งนี้เห็นด้วยที่รัฐจะเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศให้เสร็จใน 7 ปี เพราะเวลาเป็นเรื่องสำคัญ เป็นเรื่องใหญ่มาก ถ้าไม่ได้ทำจะแข่งขันไม่ได้ในอนาคต เงินตราไม่เข้าประเทศ ที่สำคัญจะส่งผลดีต่อภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และคนไทยเป็นอย่างมาก