วันศุกร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2555

คนร้ายบุกเผารถหาเสียงผู้สมัครนายก อบจ.พิษณุโลก

     
     เมื่อเวลา 01.30 น. วันที่ 12 ตุลาคม พ.ต.ท.รังสรรค์ พูลนุช พนักงานสอบสวน สภ.อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก รับแจ้งมีคนร้ายบุกเผารถแห่ป้ายหาเสียง ของผู้สมัครนายก อบจ.นายเรืองฤทธิ์ ศิริสวัสดิ์ ที่บริเวณ โรงจอดรถ อาคารเอสเอ็มแอล ของเทศบาลตำบลปลักแรด อ.บางระกำ หลังรับแจ้งจึงเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบชาวบ้านกำลังช่วยกันดับไฟที่กำลังลุกไหม้รถยนต์ ยี่ห้อนิสสัน สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน บจ-1351 พิษณุโลก ที่บริเวณกระบะท้ายที่มีแผ่นป้ายหาเสียงของนายเรืองฤทธิ์ ศิริสวัสดิ์ ผู้สมัครนายก อบจ. ในที่เกิดเหตุพบเพลิงลุกไหม้ที่บริเวณล้อหลังด้านขวา เพลิงได้ลุกไหม้ยางรถ และกระบะท้ายพร้อมกับแผ่นป้ายไวนิลเสียหาย แต่โชคดีชาวบ้านช่วยกันดับไว้ได้ทัน ที่บริเวณพื้นพบกากมะพร้าว และคราบน้ำมัน กระจายอยู่ทั่วบริเวณ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ในที่เกิดเหตุพบนายสมาน คำแก้ว อายุ 60 ปี บ้านเลขที่ 18/5 ม.3 ต.ปลักแรด อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก ซึ่งเป็นเจ้าของรถคันดังกล่าว เดินทางมารอให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ในที่เกิดเหตุ

     จากการสอบสวนนายสมานให้การว่า ตนมีอาชีพรับจ้างแห่ป้ายโฆณา โดยขณะนี้เป็นช่วงเลือกตั้ง จึงรับงานแห่ป้ายหาเสียงให้กับผู้สมัคร โดยที่ไม่เคยมีบาดหมางดกับใครมาก่อน เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา เวลา 18.00 น. ตนได้นำรถมาอาศัยจอดไว้ที่บริเวณอาคารเปล่าของโครงการเอสเอ็มแอล เทศบาลตำบลปลักแรด โดยอาศัยพื้นที่จอดอยู่เป็นประจำทุกวันในช่วงเย็นจนถึงเช้า จนกระทั่งเวลา 00.30.น มีคนไปบอกว่ารถถูกคนร้ายเผาเสียหาย ตนจึงรีบเดินทางมาดู ก็พบชาวบ้านกำลังช่วยกันดับไฟ ส่วนสาเหตุตนไม่ทราบเนื่องจาก ไม่เคยมีเรื่องกับใครมาก่อน

     ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจในช่วงเวลา 10.30 น. พ.ต.อ.พยนต์ มงคลนัฏ ผกก.สภ.อ.บางระกำ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่วิทยาการ ได้เดินทางไปตรวจสถานที่เกิดเกตุอีกครั้ง โดยมีผู้สมัครคนดังกล่าวเดินทางมาร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าทำการตรวจสอบอย่างระเอียด โดยการเก็บหลักฐานคราบน้ำมันและเชื้อเพลิงไปตรวจสอบ โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบถามชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงจุดเกิดเหตุ ก็ทราบว่า เมื่อช่วงเวลา 00.30 น. ขณะที่ชาวบ้านกำลังนอนหลับอยู่ ก็ได้ยินเสียงยางรถที่ถูกเผาระเบิดเสียง ดัง จึงลุกขึ้นมาดู ก็พบว่าเพลิงกำลังลุกไหม้รถยนต์คันกล่าวจึงได้ช่วยกันนำน้ำมาราดดับไฟ และแจ้งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนคนร้ายไม่มีใครพบเห็น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลัก เพื่อจะได้สืบสวนสอบสวนหาตัวคนร้ายรายนี้มาดำเนินตามกฎหมายต่อไป.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น