วันอังคารที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2555

เลิกกับแฟน จะทำยังไงดี


เลิกกับแฟน จะทำยังไงดี
Share
เรา ๆ ท่าน ๆ ก็คงเคยเจอสถานการณ์การทะเลาะและเลิกรากับแฟนกันมาแล้ว บางคนก็ดูแลตัวเองได้ดี บางคนก็แทบจะฆ่าตัวตาย หลายคนก็หลายวิธีที่จะพยายามผ่านประสบการณ์อันเจ็บปวดตรงนั้นมาให้ได้ ข้อแนะนำข้างล่างอาจจะไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุด แต่ก็น่าจะช่วยได้บ้างนะคะ

1.ข้อ แรกคือถามตัว เองและตอบอย่างยุติธรรมเป็นกลางที่สุดว่ามันเกิดขึ้นเพราะอะไร อาจจะไม่ใช่ความผิดของคุณทั้งทั้งหมด หรืออาจจะไม่ใช่ความผิดของคุณเลยก็ได้ ต้องคิดว่าความสัมพันธ์จะเกิดขึ้นได้ ต้องประกอบด้วยคนสองคนหรือสองฝ่าย เมื่อรักกัน ก็มักจะเต็มใจรักกันทั้งคู่ แต่ตอนจะเลิกร้างกัน อาจจะเกิดจากคนคนเดียวหรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก็ได้ ไม่จำเป็นต้องตกลงปลงใจเลิกรากันทั้งสองฝ่าย หากใคร่ครวญหาเหตุผลที่เป็นกลางได้ คุณก็จะจดจำไว้เป็นบทเรียนต่อไปใน อนาคต


2. ยอมรับความเจ็บปวดค่ะ ร้องไห้เสียให้เข็ด ความเจ็บปวดนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ ใคร ๆ ก็เคยเจ็บ เคยเหงา เคยเศร้า รู้สึกชีวิตนี้ยับเยิน ยอมรับความจริงไปเลย ถ้าเป็นความผิดของคุณเอง ก็ยิ่งต้องรับผิดชอบกับการเลิกราครั้งนี้ สุขภาพจิตและกายของคุณอาจจะย่ำแย่ลง ก็ไม่เป็นไร เพราะยังไม่เคยได้ยินว่ามีใครขาดใจตายเพราะอกหัก คุณต้องยอมรับว่าคุณก็เป็นคนดีคนหนึ่ง อย่าฟูมฟายหรือบ่นด่าตัวเอง และตรงกันข้ามหากคุณคิดว่าตนเองไม่ผิด คุณก็จะยิ่งปฏิเสธที่รับผิด มันเป็นธรรมชาติค่ะ ยังไงก็ตามชีวิตคุณก็ยังต้องดำเนินต่อไป

3.อยู่ ให้ห่างกันทันที ถึงแม้คุณจะตัดสินใจเปลี่ยนฐานะคบหากันเป็นเพื่อนก็ตาม ในช่วงแรกคุณจะต้องไม่มีการติดต่อกันเลย ทำทันทีที่คุณตัดสินใจเลิกรากัน ไม่นัดเจอกัน ไม่โทรศัพท์ ไม่อีเมล์ ไม่ เอสเอ็มเอส ที่แน่นอนไม่มีเซ็กซ์กันอีก ต้องตัดขาดจากกันอย่างนี้จนกระทั่งคุณแข็งแรงพอที่จะ ติดต่อกันแบบเพื่อนได้จริง ๆ
4. ครุ่น คิดให้ทะลุปรุโปร่ง คิดทบทวนหลาย ๆ ครั้ง อย่างมีเหตุผล ไม่ใช่อย่างหมกมุ่น คิดหาเหตุผลว่าอะไรทำให้คุณแยกทางกัน ถึงแม้คิดไปคิดมาแล้วรู้สึกว่ามันหาเหตุผลจริง ๆ ไม่ค่อยได้ แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว ฉะนั้นมันก็ต้องมีเหตุผลอย่างน้อยหนึ่งข้อแน่นอน คิดถึงเรื่องดี ๆ ที่คุณเคยมีความสุขด้วยกันระยะหนึ่ง ถือว่าเป็นเวลาที่มีค่า ถึงคุณจะยังอยากให้มันเป็นเช่นนั้นตลอดไป แต่คู่ของคุณเขาไม่คิดเช่นนั้นแล้ว ยังไง ๆ มันก็ต้องได้เลิกรากันวันยังค่ำ ฉะนั้นเลิกเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี
5. อยาก จะตะโกนก้อ บ่นด่าคู่ของคุณ เพราะความโกรธและความแค้น (ดีกรีของอารมณ์ขึ้นอยู่กับเหตุการณ์ที่ทำให้แตกหักกัน ยิ่งมีเรื่องนอกใจมาเกี่ยวข้อง ยิ่งอยากฆ่าให้ตาย คุณยิ่งคิดถึงเวลาที่คุณถูกหลอก หรือเวลาทุกข์ทรมานกว่าจะมาถึงจุดแตกหัก คุณก็ยิ่งเพิ่มปริมาณความโกรธและความแค้นมากขึ้น บางรายพาลโกรธตัวเอง ขอบอกว่าเลิกคิดเช่นนี้ทันทีค่ะ !! ทำให้ได้ เดี๋ยวนี้ มันไม่มีประโยชน์ มีแต่จะเสียเวลา คิดให้ได้ว่าคุณไม่มีทางเปลี่ยนแปลงอะไรได้แล้ว
6. พูด คุยกับเพื่อน ๆ ค่ะ (เพื่อนดี ๆ นะ) หรือญาติที่รักเราก็ได้ ใครก็ได้ที่คุณรู้สึกดี ๆ มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันเสมอมา คนที่รักและหวังดีต่อคุณ เขาจะช่วยให้กำลังใจ ชี้แนะให้คุณรักตัวเองมากขึ้น คุณต้องไปหาสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยคนที่รักคุณ แล้วคุณจะรู้สึกว่าตัวคุณเป็นคนที่มีค่ามาก
7. บันทึก เรื่องราวของคุณลงในไดอารี่ เรื่องราวการเดินทางของชีวิตรัก เรื่องอะไรก็ได้ที่คุณสามารถระบายความรู้สึกออกมาตัวอักษร เปิดหัวใจยอมรับทั้งความเจ็บปวดและความผิดหวังของชีวิต อย่าเขียนตบแต่งเรื่องราวให้เข้าข้างตนเอง ไดอารี่นี้จะเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด เป็นสิ่งเตือนสติไม่ให้คุณก้าวพลาด ทำให้พบกับความเจ็บปวดอีกต่อไป

8.ถึง เวลาลุกขึ้นมาทำความสะอาดห้องหอ บ้านช่อง ออฟฟิศ รถราเสียที อะไรที่มันรก ๆ เอาออกไปจากสายตา ของรัก ของ ๆ เขา เอาออกไปให้หมด คุณเป็นคน Brand-new person แล้ว เป็นคนใหม่ ตั้งใจจะใช้ชีวิตอย่างมีสาระกว่าเดิมแล้ว รอเจอสิ่งดี ๆ ที่จะเข้ามาในชีวิต ถ้าเหลียวไปทางไหนก็เจอแต่สภาพเดิม ๆ คุณก็จะหดหู่ คิดแต่เรื่องเดิม ๆ การลุกขึ้นมาโละขยะออกจากชีวิตแบบนี้ มันไม่ต้องใช้พลังสมองมากมายหรอก คุณก็เริ่มจากการเขียนเป็นรายการขึ้นมาก่อนก็ได้ แล้วโฟกัสจิตใจ ให้ทำไปทีละอย่าง ๆ ในที่สุดคุณจะรู้สึกว่าความเจ็บปวดมันเริ่มทุเลาลง


9. จด จำแต่สิ่งดีๆ ละทิ้งสิ่งแย่ ๆ ที่เกี่ยวกับเขา เช่นเมื่อได้ยินเสียงเพลงโปรดของเขา หรือเห็นรูปภาพ หรือหนังสือที่เขาชอบ แต่มันกลับทำให้คุณรู้สึกแย่ คุณก็ต้องเอาสิ่งเหล่านั้นออกไปจากความคิดทันที เอาออกไปจากสายตา ปิดหู ไม่ฟัง ปิดตาไม่ดู ไม่รับรู้ ไม่คิด แต่หากมีบางอย่างที่รู้สึกดีที่จะเห็นจะรับรู้ เช่นนาฬิกาโปรดที่เขาซื้อให้ คุณจะยังสวมมันก็ได้นะ แต่ต้องยิ้มไปด้วยเมื่อมองมัน และคิดถึงแต่เวลาดี ๆ (คิดแบบมีความสุข ไม่ใช่คิดแบบอยากกลับไปมีเวลาเหล่านั้นอีก)

10. หา ความสุขให้กับชีวิตตัวเอง เพราะชีวิตของคุณกับเขาเป็นเพียงช่วงระยะเวลาหนึ่งของการมีชีวิตอยู่ของคน เราเท่านั้น ตอนนี้มันเป็นเวลาที่คุณจะได้ใช้ชีวิตของคุณให้มีคุณค่า คุณอาจจะอยู่กับครอบครัวมากขึ้น อยู่กับเพื่อนมากขึ้น อาจจะไปเข้าคอร์สเรียนภาษา คอร์สทำอาหาร หรืออ่านหนังสือทุกเล่มที่คุณหมดเงินเยอะแยะซื้อมาเก็บไว้แต่อ่านไม่หมดซัก ที จริง ๆ แล้วตอนที่คุณรักกัน คุณก็อาจจะไม่เคยมีเวลาเป็นของตนเองเลย ทำไมไม่คิดดี ๆ คิดขอบคุณเรื่องราวที่เกิดขึ้น มันทำให้คุณได้เป็นเจ้าของชีวิตตนเองอย่างแท้จริง(เสียที)
11. ออกกำลังกาย ละลายความเครียด ออกไปวิ่งกับเพื่อน ๆ ชายหาดสวย ๆ ตอนเช้ายิ่งดีใหญ่เลย สูดอากาศบริสุทธิ์ ยิ่งไปเรื่อย ๆ คิดเสียว่าทุกย่างก้าวคือการปลดปล่อยความทุกข์ และความโกรธออกไปทีละก้าว ๆ ค่ะ
12. คิด เสียว่า “ ปล่อยมันไปเสียที” เลิกตอกย้ำความรู้สึกว่า ฉันมันอกหัก ฉันเสียใจ ฉันเสียหน้า “ทำไมถึงทำกับฉันได้” หยุดคิดไปเลย คุณควรภูมิใจในตัวเองว่าครั้งหนึ่งคุณก็กล้าหาญพอที่จะตกหลุมรัก แล้วก็กล้าหาญกว่าเป็นสองเท่าที่จะก้าวออกมาจากมัน เพราะมันเป็นเพียง”เคยรัก” เท่านั้น ไม่ใช่รักอีกต่อไป เมื่อรักนั้นไม่ใช่ รักหน้าก็ยังมีใช่ไหม

13.ถ้า คุณทำมาได้ถึงข้อนี้แล้วคุณจะรู้สึกว่า ความทุกข์มันเริ่มจาง ๆ ลง เรียนรู้ที่จะเป็นผู้ฟังที่ดี ฟังผู้ที่ปลอบโยนคุณ จำไว้ว่าเจ็บปวดเพราะการเลิกร้างต่อกัน ดีกว่าเจ็บปวดที่จะพยายามรักษาความสัมพันธ์อันร้าวฉานให้คงอยู่


14.คิด บวกค่ะ เวลาอยู่คนเดียวก็ตะโกน(ในใจ)ว่า ยาฮู้ ฉันมีแฟนใหม่ได้แล้ว !! อิสระเสียที เปลี่ยนบุคลิก เปลี่ยนวิธีคิดเสียใหม่ แต่อย่าออกมาในแนวก้าวร้าวนะคะ ให้เกียรติและเคารพความคิดเห็นของผู้อื่นเสมอ ที่แน่ ๆ คือ จริงใจและนับถือตัวเองให้มากขึ้น

15.สุด ท้าย..อย่า !! อย่าเผลอไปคิดถามตัวเองว่า “ เอ..ที่เราตัดสินใจอย่างนี้มันถูกหรือเปล่านะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณเป็นฝ่ายบอกเลิก คุณอาจจะแอบคิดแว่บ ๆ ว่า อันที่จริงเราน่าจะพูดกันได้ เขาไม่น่าทำอย่างนั้น เราก็น่าจะอดทนมากกว่านี้ เราเคยรักกันจะตาย ถ้าเราเพียงแต่……………เขาก็คงจะไม่………….หรือถ้าเขาล่วร ู้ถึงความจริงข้อที่ว่าฉันรักเขาแค่ไหน ฉันรับไม่ได้เพราะอะไร…เราก็คงไม่ถึงขนาดต้องเลิกราต่อกัน…หยุดคิดเช่น นี้ทันทีค่ะ เลิกเล่นเกมส์กับชีวิตของคุณเอง ยอมรับสถานการณ์และใช้ชีวิตที่เหลือให้คุ้มที่สุด
“ความ เจ็บปวดนี้ ไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่ ใคร ๆ ก็เคยเจ็บ และต้องเจ็บ ฉันก็แค่สอบผ่านข้อนี้ไปแล้ว..วันหนึ่งเมื่อฉันเข้มแข็งพอ..ฉันจะหันมามอง ด้วยความขบขันและอายตัวเองว่า..ทำไมฉันมันขี้ขลาดกับชีวิตนัก “

 
 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น