วันศุกร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

เทือกโต้ โบ้ย"ปทีป"ชงให้เซ็น


ยันไม่ฮั้ว396สภ. โยนรบ.อื่นริเริ่ม "เหลิม"ชี้อย่ามั่ว ประมูลยุคปชป. งบไทยเข้มแข็ง

มีแต่ฐาน - พ.ต.อ.สุทธิ ภู่หริย์วงศ์สุข ผกก.สภ.ทะเมนชัย อ.ลำปลายมาศ จ.บุรี รัมย์ ชี้ให้ดูซากฐานรากอาคารที่ทำการโรงพักแห่งใหม่ที่ผู้รับเหมาทิ้งงานไป จนทุกวันนี้ต้องใช้บ้านพักเป็นสถานีตำรวจแทน เมื่อวันที่ 7 ก.พ.

"สุเทพ"แถลงโต้ชุดใหญ่ปัญหา 396 โรงพัก อ้าง "ปทีป"ชงเรื่องขึ้นมาเลยเซ็นอนุมัติไป ยืนยันไม่มีเรื่องฮั้ว ลากยาวไปถึงรบ.พลังประชาชนเป็นคนริเริ่ม และสมัย "เพรียวพันธ์" ก็ไม่ยอมตามเรื่อง พร้อมส่งทนายฟ้อง "ธาริต" ฐานหมิ่นประมาท ขณะที่ "เหลิม" ย้ำชัดๆ โครงการนี้เป็นงบไทยเข้มแข็งของรบ.ประชาธิปัตย์ ไม่เกี่ยวกับรัฐบาลอื่น ส่วน "อภิสิทธิ์" ย้ำอีกรอบเรื่องนี้เทือกเป็นคนอนุมัติไม่เกี่ยวข้อง ผู้รับเหมาช่วงร้องดีเอสไอเอาผิด บ.พีซีซีฯ ฐานฉ้อโกง



เทือกชี้แจงปมโรงพัก

ความคืบหน้าปัญหาการทิ้งงานสร้างโรงพักทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 7 ก.พ. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชา ธิปัตย์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี แถลงพร้อมนำเอกสารมาชี้แจงถึงกรณีที่นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เตรียมเรียกเข้าชี้แจงในคดีฮั้วการประมูลโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจ และอาคารที่พัก ว่าขอปฏิเสธข้อกล่าวหาว่าทุจริตออกคำสั่งให้ประมูลจัดจ้างในลักษณะเอื้อประโยชน์ให้เอกชนรายเดียว และกีดกันเอกชนรายอื่น ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาที่นักการเมืองพรรคเพื่อไทยรวมถึงร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ออกมาใส่ร้ายป้ายสี

อ้างช่วยประหยัดเงินหมื่นล้าน

นายสุเทพกล่าวว่า สาเหตุที่ออกมาชี้แจงล่าช้าเพราะอยู่ในช่วงการรวบรวมเอกสารหลักฐาน และหลังจากรวบรวมข้อมูลเสร็จขอชี้แจงว่าโครงการนี้เริ่มมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลพรรคพลังประชาชน โดย ครม.ขณะนั้นมีมติเมื่อวันที่ 6 พ.ย. 50 อนุมัติให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ โดยกำหนดหลักการให้สตช. และบริษัท ธนาลักษณ์ พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด ร่วมกันดำเนินก่อสร้าง แต่เมื่อ สตช.ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณา แล้วเห็นว่าหากดำเนินการตามมติดังกล่าวจะทำให้ค่าใช้จ่ายโครงการสูงถึง 17,679 ล้านบาท สตช.จึง เสนอให้ครม.พิจารณาใหม่ว่าขอใช้วิธีตั้งงบประมาณประจำปีปกติ ซึ่งจะก่อสร้างได้ในวงเงิน 6,672 ล้านบาท

ร่ายยาวที่มาโครงการ

"ช่วงนั้นเป็นช่วงของรัฐบาลพรรคประ ชาธิปัตย์ โดยมีนายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ ผมในฐานะที่ดูแล สตช.จึงอนุมัติและเสนอให้ ครม.พิจารณาอนุมัติ ในวันที่ 17 ก.พ. 52 จากนั้น สตช.ที่มีพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ เป็นผบ.ตร. ทำหนังสือเสนอแนวทางจัดจ้างโครง การดังกล่าว โดยขอให้ส่วนกลางโดย สตช.จัดจ้างแบบรวมรายการครั้งเดียว และแยกเสนอรายการเป็นรายภาค 1-9 และให้กองพลาธิการ และสรรพาวุธ เป็นผู้ดำเนินการ จึงให้ความเห็นชอบ ในวันที่ 9 มิ.ย. 52 หลังจากนั้นจึงเป็นเรื่องที่สตช.ไปดำเนินการประกวดราคา" นายสุเทพกล่าว

โยน"ปทีป"ชงเรื่องขึ้นมา

นายสุเทพกล่าวอีกว่า แต่ปรากฏว่ามีการเปลี่ยนแปลงในสตช. คือมีพระราชกฤษฎีกายกเลิกกองพลาธิการ และสรรพาวุธ และจัดตั้งสำนักงานส่งเสริมกำลังบำรุง และมีส่วนราชการ 4 กองบังคับการ ทำให้กองพลาธิการต้องส่งงานต่อให้กองโยธาธิการรับผิดชอบ จากนั้นเมื่อพล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ มารักษาราชการแทนผบ.ตร. ก็ได้ทำหนังสือมาถึงลงวันที่ 18 พ.ย. 52 ขออนุมัติหลักการโครงการจัดจ้างโครงการดังกล่าว ด้วยวิธีทางอิเล็กทรอนิกส์ วงเงิน 6,298 ล้านบาท และเชื่อว่า จะสามารถดำเนินการก่อสร้างได้ในระยะเวลาที่กำหนด

เซ็นอนุมัติไปตามที่ขอ

อดีตรองนายกฯ กล่าวอีกว่า สตช.ยืนยันว่าถ้าทำวิธีนี้จะสามารถบริหารจัดการสัญญากับผู้ประกอบการได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะไม่เกิดปัญหาในอนาคต และจะเป็นไปตาม พ.ร.บ.การเสนอราคา ปี 2542 แต่ต้องเสนอยกเลิกการอนุมัติเดิม เมื่อวันที่ 29 พ.ค. 52 และต้องอนุมัติใหม่ให้มีการประมูลแบบอิเล็กทรอ นิกส์ จึงลงนามอนุมัติตามที่เสนอ ในวันที่ 20 พ.ย. 52 และกำชับว่าห้ามรื้อทุบทิ้งอาคารเดิม เพื่อเก็บไว้ใช้ประโยชน์ต่อไป

ลาก"เพรียวพันธ์"เข้ามาด้วย

"ผมขอชี้แจงว่าหนังสือที่ สตช.เสนอมาให้ผม 3 ครั้ง และมีความเห็นไม่เหมือนกันนั้น เพราะขึ้นอยู่กับผบ.ตร.ในขณะนั้น ซึ่งเป็น ผู้ปฏิบัติ และรู้ระเบียบกฎหมายดี ผมเป็นเพียงผู้มีหน้าที่ให้ความเห็นชอบในแง่นโยบาย ไม่มีหน้าที่ลงลึกไปในวิธีปฏิบัติ จึงต้องยึดความเห็นของสตช. และเมื่ออนุมัติไปก็เป็นหน้าที่ของ สตช.ไปบริหารจัดการ ที่ผมพูดไม่ได้โยนผิดให้ 3 อดีตผบ.ตร. เพราะเชื่อว่าไม่มีการฮั้วเกิดขึ้น แต่หลังจากมีการลงนามไปแล้ว 4 เดือนนายอภิสิทธิ์ก็ประกาศยุบสภา จากนั้นก็เป็นรัฐบาลใหม่ ที่มีหน้าที่ต้องเข้ามาบริหารจัดการสัญญา โดยพล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร.ขณะนั้นต้องติดตามกำกับดูแลให้เป็นไปตามสัญญา" นายสุเทพกล่าว

ยันไม่รู้จักกับ บ.พีซีซีฯ

นายสุเทพกล่าวอีกว่า ไม่เคยรู้จักบริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด ไม่ทราบว่าใครเป็นเจ้าของ และไม่เคยติดต่อทั้งทางตรงและทางอ้อม ขอยืนยันว่าดำเนินการตามข้อเสนอของสตช. ไม่มีเจตนาให้ใครมาผูกขาด ตามที่ดีเอสไอ หรือนักการเมืองพรรคเพื่อไทยมากล่าวหา จึงอยากขอความเป็นธรรมจากประชาชนด้วย ทั้งนี้ จะไม่ยอมรับการใส่ร้ายป้ายสีว่าทำทุจริต และไม่มีความสัมพันธ์ส่วนตัวกับผู้รับเหมา และไม่ได้คบคิดกับอดีตผบ.ตร.คนใดในการทุจริต จึงพร้อมที่จะสู้คดีกับนายธาริต

เชื่อเป็นเกมการเมือง

เมื่อถามว่า นายธาริตบอกว่ามีเอกสารการร้องเรียนของบริษัทพีซีซีฯ ที่ส่งถึงนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ไม่เห็นด้วยกับการรวมประมูลที่ส่วนกลาง เป็นหลักฐานสำคัญ นายสุเทพกล่าวว่า ไม่เคยเห็นเอกสารดังกล่าว แต่จะเห็นได้ว่าเป็นการกระทำที่ชัดเจนว่าพยายามดึงนายอภิสิทธิ์มาเป็นผู้ถูกกล่าวหาร่วม เป็นการแสดงเจตนาชัดเจนว่าทำเพื่อประโยชน์การเมือง เพราะเห็นได้ชัดว่านายอภิสิทธิ์ไม่ได้มีส่วนร่วมในกรณีนี้เลย

"มาร์ค"ย้ำอีกเทือกอนุมัติ

ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ จะให้ไปชี้แจงเรื่องการสร้างโรงพัก 396 แห่งว่า เคยตกลงกับอธิบดีดีเอสไอแล้วว่าหากเชิญมาก็จะไป แต่ขอให้กำหนดประเด็นให้ชัดเจนก่อน ซึ่งเรื่องนี้ ครม.อนุมัติโครงการ ส่วนการจัดซื้อจัดจ้างก็เป็นไปตามขั้นตอนต่างๆ ของกฎหมาย

นายอภิสิทธิ์กล่าวอีกว่า การตัดสินใจว่าจะประมูลอะไรแบบไหนอย่างไรเจ้าหน้าที่ที่มีความรับผิดชอบเสนอขึ้นมา นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ขณะนั้นก็เป็นผู้อนุมัติ และการประมูลที่ดูจากรูปการณ์ไม่น่ามีการฮั้ว เพราะเสนอราคาแตกต่างกันเยอะ และเขาเลือกคนที่เสนอต่ำสุดด้วย ถ้าไม่เลือกก็น่าจะเป็นปัญหาเหมือนกัน ถ้าถามว่าต่ำผิดปกติ หรือเขาไม่มีความสามารถ ที่ตรวจสอบกันมาตอนนี้คุณสมบัติก็ครบ และเหตุผลของเขาว่าทำไมเขาทำได้ราคาถูกกว่าคนอื่นเพราะเขามีบริษัทลูก มีเครือข่ายค่อนข้างครบวงจร


ไม่เคยเห็นหนังสือร้องเรียน

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ส่วนที่เขาทำไม่ได้เท่าที่ติดตามเขามีปัญหาการเงินก็เป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่บริหารสัญญาว่าจะทำอย่างไร แต่วันนี้นายธาริตบอกว่าเคยมีคนทำหนังสือร้องเรียนมาถึงตน ดังนั้น ต้องรู้ แต่ที่ผ่านมายังไม่ได้เห็น ขอไปดูว่าหนังสือที่ส่งมาว่าเคยเห็นหรือไม่ เพราะช่วงเป็นนายกฯ มีหนังสือมาถึงค่อนข้างมาก ทุกเรื่องที่ร้องเรียนมาถ้าถึงก็จะสั่งการให้หน่วยงานที่รับผิดชอบไปพิจารณาข้อร้องเรียน ไม่มีเหตุผลที่จะอยู่เฉยๆ ก็เลยยังไม่ทราบว่าเขาต้องการจะทราบอะไร

ถ้าผิดต้องให้ป.ป.ช.จัดการ

"เรื่องนี้หวังผลการเมือง ยืนยันว่าถ้ากรณีอย่างนี้แล้วจะมาแจ้งข้อหาผมกับคุณสุเทพ ก็ต้องว่ากันตามกระบวนการยุติธรรม เพราะกรณีเช่นนี้ต้องเป็นเรื่องของป.ป.ช. ถ้าพบว่ามีผมหรือมีคุณสุเทพเข้าไปเกี่ยวข้องก็ต้องส่งให้ป.ป.ช.ดำเนินการ ฉะนั้นดีเอสไอก็ต้องระวังถ้าผิดกฎหมายซ้ำก็ต้องถูกฟ้องซ้ำ คนละกรรมกัน" นายอภิสิทธิ์กล่าว

เทือกส่งทนายฟ้อง"ธาริต"

ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายสุเทพมอบอำนาจให้นายสวัสดิ์ เจริญผล ทนายความ เป็นโจทก์ฟ้องนายธาริต เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาท ตาม ป.อาญามาตรา 326, 328 ตามฟ้องสรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 20 ม.ค. ถึง 5 ก.พ. 2556 ต่อเนื่องกัน จำเลยให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนหลายแขนง มีข้อความหมิ่นประมาทโจทก์ต่อบุคคลที่สาม ทำนองว่าความเสียหายใหญ่หลวงมาก จากการตรวจสอบเอกสารที่ได้จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ระบุว่า หาก สตช.เมื่อครั้งเสนอโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ 396 แห่ง ได้เสนอให้มีการกระจายไปแต่ละกองบัญชาการ โดยแต่ละกองบัญชาการจะมีการเปิดประมูลเป็นภูมิภาคไป ก็อยู่ในวิสัยที่ทำได้

ให้สัมภาษณ์ทำเสื่อมเสีย

คำฟ้องระบุอีกว่า แต่ปรากฏว่าการเมืองในขณะนั้นรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ โดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลสตช. สั่งการไม่ให้ดำเนินการก่อสร้างตามที่ สตช.เสนอ ให้แต่ละกองบัญชาการจัดประมูลกันเอง เป็นที่มาของการเปิดประมูล ทำให้บริษัทที่ได้ประมูล คือบริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด เป็นผู้ชนะการประมูลบริษัทเดียว จนเกิดเป็นรากหญ้าของปัญหาที่ไม่สามารถแก้ไขได้ เพราะบริษัทชนะประมูลแห่งเดียวไม่สามารถสร้างสถานีตำรวจทั่วประเทศ ซึ่งล้วนเป็นความเท็จหมิ่นประมาทโจทก์ ทำให้คนทั่วไปเข้าใจว่าโจทก์ดำเนินการเปลี่ยนแปลงวิธีการก่อสร้าง การประมูลรวมไว้ที่ส่วนกลาง มองโจทก์เป็นคนไม่ดี เจตนาทุจริตในการบริหารราชการแผ่นดิน เหตุเกิดที่แขวงทุ่งสอง ห้อง เขตหลักสี่ กทม. และที่อื่นๆ

ศาลรับคำฟ้องไว้พิจารณา และนัดไต่สวนมูลฟ้องวันที่ 20 พ.ค.นี้ เวลา 09.00 น.

"ธาริต"ไม่หวั่นพร้อมลุยต่อ

ด้านนายธาริตกล่าวว่า ไม่เป็นกังวล แต่มีส่วนดีใจที่นายสุเทพฟ้องเฉพาะตนเพียงคนเดียว ไม่ฟ้องพนักงานสอบสวนที่ร่วมทำคดี หลังจากนี้จะทำงานต่อไปตามพยานหลักฐาน ส่วนการชี้แจงรายละเอียดอย่างต่อเนื่องก็เป็นไปตามพยานเอกสารมีที่มาที่ไปชัดเจน ไม่มีเจตนาใส่ร้าย ส่วนตัวมองว่าการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเป็นสิ่งจำเป็นเพราะคดีดังกล่าวประชาชนให้ความสนใจ การตอบคำถามสื่อมวลชนจึงถือเป็นหน้าที่หนึ่ง

"เหลิม"ไม่สนใจเทือกชี้แจง

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า หลักฐานที่นายธาริตนำออกมาแถลงข่าวนั้นของจริง ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่นาย สุเทพออกมาแถลงข่าวโต้ในหลายประเด็น ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่ทราบ ไม่ได้ฟัง และไม่คิดจะฟัง เพราะมีเอกสารชัดเจน คำพูดไม่สามารถหักล้างเอกสารได้ ไม่ว่าใครพูด เอกสารเบี่ยงกันไม่ได้ แต่คำพูดคนยังเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาได้

งบฯไทยเข้มแข็งไม่เกี่ยวรบ.อื่น

เมื่อถามว่าในเอกสารมีการลงนามโดยนายอภิสิทธิ์ ด้วยใช่หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ไม่ทราบแต่เรื่องนี้ร้องเรียนในสมัยนายอภิสิทธิ์เป็นนายกรัฐมนตรี วันที่ 13 พ.ย.52 ร้องว่า พวกนี้มีการรวมกันจัดซื้อจัดจ้าง ดังนั้นอย่ารวมรายเดียว แต่พอวันที่ 20 พ.ย.52 ก็เซ็นรายเดียว แต่ก่อนหน้านั้นในเดือนมิ.ย.มี 9 ราย แต่เมื่อเหลือรายเดียว ก็ต้องไปชี้แจงที่ดีเอสไอ และงบฯ นี้เป็นงบฯ ไทยเข้มแข็ง แล้วจะไปเกี่ยวอะไรกับนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ

เงินหล่นกลางทาง-สร้างไม่ได้

"ปัญหาที่เกิดขึ้นคืองบฯ รอบแรกมันไปเบี้ยบ้ายรายทาง จึงไม่มีเงินก่อสร้าง แล้วบริษัทนี้เจ้าของไม่ใช่พ่อตานักการเมือง แต่ไปตั้งอยู่ที่อาคารที่พักของพ่อตานักการเมือง ผมไปเชียง ใหม่ และได้ไปดูมากับตา" ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว

บ.รับเหมาช่วงร้องดีเอสไอ

วันเดียวกันที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายกรภัทร์ ไพบูลย์สิริกุล วิศวกร ผู้ควบคุมการก่อสร้างของบริษัท เอส.แอล. ดีเวลลอปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด บริษัทรับเหมาช่วงการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทนต่อจากบริษัท พีซีซี ดีเวลลอปเม้นท์ฯ เข้าให้ปากคำต่อ พ.ต.ท.ถวัล มั่งคั่ง ผู้เชี่ยวชาญคดีพิเศษดีเอสไอ และร้องทุกข์กล่าวโทษบริษัท พีซีซีฯ ฐานฉ้อโกง สืบเนื่องจากมีการจ่ายค่างวดงานไม่ครบตามสัญญาจ้าง โดยระบุว่า บริษัทรับก่อสร้างสถานีตำรวจ 5 แห่ง ขนาดใหญ่ 1 แห่ง ขนาดเล็ก 4 แห่ง ทำสัญญากันเมื่อวันที่ 8 ก.ค.54 กำหนดราคากลางในการก่อสร้างที่ประเมินราคาโดยคณะกรรมการกำหนดราคากลาง ระบุงบประมาณในการก่อสร้างสถานีตำรวจขนาดใหญ่ไว้ที่ราคา 19.2 ล้านบาท ใช้เวลาก่อสร้าง 13 งวด

นายกรภัทร์กล่าวต่อว่า สำหรับโรงพักขนาดเล็กกำหนดราคาไว้ที่ 5.8 ล้านบาท และ 5.5 ล้านบาท จำนวน 9 งวดงาน ซึ่งเบื้องต้นผู้รับเหมาคิดว่าเป็นงบประมาณที่สามารถรับได้ เนื่องจากในราคากลางกำหนดราคาต้นทุนโรงพักขนาดเล็กไว้ประมาณ 5 ล้านบาท จึงเชื่อว่าจะได้กำไรในการก่อสร้างขนาดเล็กอย่างน้อย 8 แสนบาท ทำให้หลงเชื่อ โดยเฉพาะการกำหนดราคากลางโดยคณะกรรมการซึ่งมีนายตำรวจ 3 นายเป็นผู้ลงนาม ทำให้เกิดความน่าเชื่อถือมากขึ้น

ช็อกราคากลางต่ำเกินจริง

"เมื่อเริ่มดำเนินการก่อสร้างตามโครงการ บริษัทพีซีซีระบุว่า หากไม่สะดวกในการซื้ออุปกรณ์ก่อสร้างก็สามารถสำรองวัสดุจากบริษัทไปใช้ก่อนได้ โดยบริษัทจะหักค่าวัสดุจากงวดงาน ซึ่งบริษัทต้องทำถึง 2 งวดงาน จึงจะเบิกเงินได้ 1 งวด และเงินงวดแรกบริษัทต้องจ่ายให้ 5 แสนบาท แต่เมื่อหักค่าวัสดุแล้วเหลือเงินที่ได้รับเพียง 7 หมื่นบาท ซึ่งไม่เพียงพอกับค่าจ้างแรงงาน บริษัทจึงเห็นความผิดปกติ และไม่คุ้มทุน จึงได้ว่าจ้างวิศวกรมาแกะแบบการก่อสร้างโรงพักทั้ง 2 ขนาด ทำให้พบข้อเท็จจริงว่าการก่อสร้างโรงพักขนาดเล็ก ที่คณะกรรมการกำหนดราคากลางไว้ 5.5 ล้านบาท และ 5.8 ล้านบาทนั้น ข้อเท็จจริงการก่อสร้างต้องมีราคาสูงกว่า 7 ล้านบาท จึงได้ขอปรับราคากับทางบริษัทพีซีซีฯ ทั้งนี้ ส่วนโรงพักขนาดใหญ่ซึ่งคณะกรรมการกำหนดราคาไว้ที่ 19.2 ล้านบาท จากการแกะแบบพบว่าต้องใช้เงินลงทุนจริงมากกว่า 26 ล้านบาท ทำให้เห็นได้ว่าบริษัทพีซีซีกดราคากับผู้รับเหมาช่วงอีก ทั้งยังจ่ายเงินไม่ตรงกับงวดงานที่ระบุตามเงื่อนไข

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น