วันพุธที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ลับ ลวง พราง บริษัทซื้อข้าวจีทูจี


ลับ...ลวง...พราง "กรุงเทพธุริจ" สาวลึก บริษัทจีนซื้อข้าวจีทูจี ที่แท้ขายลูกฟุตบอล
ตามที่ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ได้อภิปรายในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ ต่อประเด็นการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ว่า การขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐระหว่างรัฐบาลจีนและรัฐบาลไทย ผ่านบริษัทจีนที่ว่านั้นชื่อ GSSG IMP A
ตามที่ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ได้อภิปรายในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ ต่อประเด็นการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ว่า การขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐระหว่างรัฐบาลจีนและรัฐบาลไทย ผ่านบริษัทจีนที่ว่านั้นชื่อ GSSG IMP AND EXP.CORP ซึ่งตั้งอยู่ที่นครกวางเจา ประเทศจีน เป็นเพียงการนำชื่อบริษัทมาทำสัญญาซื้อข้าวจีทูจีกับรัฐบาลเท่านั้น

"กรุงเทพธุรกิจ" ได้ตรวจสอบข้อมูลจากเว็บไซต์ของ Guangdong Stationery & Sporting Goods Imp. & Exp. Corp ระบุว่าบริษัท GSSG Import & Export Corporation หรือ Guangdong Stationery & Sporting Goods Imp. & Exp. Corp. ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองกวางเจา มณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน พัฒนามา 25 ปี จนมีทีมงานผู้เชี่ยวชาญประสบการณ์สูงด้านการค้า ธุรกิจมีการขยายตัวอย่างต่อเรื่องด้วยปริมาณการค้าปีละกว่า 100 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณกว่า 3,000 ล้านบาท อีกทั้งบริษัทยังมีชื่อเสียงมากในตลาดโลก

สินค้าของบริษัทแบ่งเป็น 1. ขนส่งและชิ้นส่วน อันได้แก่เรือบรรทุก 
2. อาหาร อันได้แก่ ข้าว ลูกเกด และ buckwheat
3. ของใช้ในบ้าน ซึ่งมีมากมาย ตั้งแต่ เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน เครื่องครัว-ช้อนส้อมมีด ที่ใส่เครื่องปรุง เตาอบ หม้อ อบ เตาไฟฟ้า เครื่องปั่นน้ำผลไม้ ที่ชั่งน้ำหนัก พัดลม กาต้มน้ำ ไปจนถึงของอย่างที่หนีบผ้า ตะกร้าใส่ผ้า อุปกรณ์ประดับตกแต่งเทศกาลคริสต์มาส รองเท้า เฟอร์นิเจอร์อย่างเก้าอี้สำนักงาน ชุดเก้าอี้รับแขก
4. อุปกรณ์ใช้ในสำนักงาน อย่างผลิตภัณฑ์กระดาษ กระเป๋า สินค้าสเตนเลสสตีล 5.อุปกรณ์กีฬาอย่างลูกรักบี้-ลูกฟุตบอล ลูกเบสบอล ลูกบาสเกตบอล ลูกวอลเลย์บอล 6.อุปกรณ์ตกแต่งและใช้ในเชิงพาณิชย์ เป็นต้น

ทางบริษัทระบุว่าสินค้าทุกชนิดส่งออกไปขายยังตลาดทั่วโลก โดยชื่อยี่ห้อที่ได้รับความนิยมคือ "Enjoy" และ "Victory" นั้น ได้รับรางวัลมากมาย อย่าง "แบรนด์ส่งออกแห่งปี 2550" จากหอการค้าเพื่อการนำเข้าและส่งออกเครื่องจักรและสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ของ จีน "แบรนด์ส่งออกแห่งปี 2551" จากหอการค้าเพื่อการนำเข้าและส่งออกผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเบาและงานฝีมือของ จีน "แบรนด์ส่งออกชื่อดังแห่งปี 2550-2553" จากแผนกการค้าต่างประเทศและความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ประจำมณฑลกวางตุ้ง

ปริมาณการค้าของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้น บริษัท GSSG Import & Export Corporation ยังได้รับการจัดอันดับ "The AAA Rating of Enterprise Credit" จากสมาคมผู้ให้บริการด้านการขนส่งของจีน หอการค้าเพื่อการนำเข้าและส่งออกผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเบาและงานฝีมือของจีน และหอการค้าเพื่อการนำเข้าและส่งออกเครื่องจักรและสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ของ จีน

ขณะที่มาตรฐานของบริษัทยังอยู่ในขั้นได้รับ ISO 9001:2008 Standard Quality Management System

ปณิธานของบริษัทคือ "ประสิทธิภาพสูง ต้นทุนต่ำ บริการเป็นเลิศ สร้างความพอใจแก่ลูกค้า" โดยนวัตกรรม การสร้างสรรค์อย่างต่อเนื่องทำให้บริษัทมีความก้าวหน้า นอกจากนั้น บริษัทยังให้บริการเต็มรูปแบบ "One-Stop shopping" และการบริหารด้านนำเข้า-ส่งออก

ทั้งนี้ เมื่อกลางเดือนต.ค. ถึงต้นเดือนพ.ย. บริษัทได้ไปร่วมในงานแสดงสินค้านานาชาติ กวางเจา เทรดแฟร์ ด้วย โดยได้นำสินค้าอย่างเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน อุปกรณ์และเครื่องจักรขนาดใหญ่ เครื่องครัวช้อนส้อม เครื่องตกแต่งบ้าน ไปร่วมออกงาน

อย่างไรก็ตามมีข้อสังเกตว่า สินค้าหลักที่โปรโมทในเว็บไซต์เน้นในเรื่องของอุปกรณ์กีฬา เช่น ลูกฟุตบอล ลูกรักบี้ ลูกเบสบอล ลูกบาสเกตบอล มากกว่าสินค้าอาหาร

ประเด็นสำคัญที่ทำให้นพ. วรงค์ เชื่อว่า บริษัท GSSG IMP AND EXP.CORP ถูกนำชื่อมาเป็นเพียงคู่สัญญาซื้อข้าวจีทูจี เพราะหลักฐานการมอบอำนาจพัวพันกับบุคคลในพรรคเพื่อไทยและโยงใยไปถึงบริษัทสยามอินดิก้าที่มีความใกล้ชิดกับคนในรัฐบาล

กล่าวคือ บริษัทมีการมอบอำนาจให้นายรัฐนิธ โสจิรกุล เป็นผู้มีอำนาจของบริษัท ขณะที่นายรัฐนิธได้ลงนามมอบอำนาจอีกทอดให้กับนายนิมล รักดี มีที่อยู่ อ.บางมูลนาก จ.พิจิตร ให้เป็นผู้มีอำนาจในการลงนามแทน ในการซื้อขายข้าวตามสัญญารัฐต่อรัฐ จำนวน 5 ล้านกิโลกรัม

นพ.วรงค์ ระบุว่า จากการตรวจสอบพบว่านายรัฐนิธ มีชื่อเล่นว่า “ปาล์ม” อายุ 32 ปี ผู้ช่วยลำดับที่ 3 ของ นางระพีพรรณ พงษ์เรืองรอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย

ส่วนนายนิมล ที่เป็นผู้มีอำนาจลงนามของบริษัท ก็เป็นคนในพื้นที่ จ.พิจิตร เรียกว่า “เสี่ยโจ” มือขวา นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือ“เสี่ยเปี๋ยง”

ที่สำคัญเมื่อตรวจสอบจากเอกสารของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต แห่งชาติ (ป.ป.ช.) พบว่า นายนิมลเคยเป็นคนของบริษัทเพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง และถูก ป.ป.ช.ตรวจสอบพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตรับจำนำข้าว ในปี  2546 - 2547  สมัยรัฐบาลของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ในประเด็นนำข้าวเก่ามาเวียนเทียนเข้าโครงการรับจำนำ

ขณะที่บริษัทเพรซิเดนท์ ก็มีความเกี่ยวข้องกับบริษัทสยามอินดิก้า จำกัด ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลพบว่าบริษัท สยามอินดิก้า มีกรรมการและผู้ถือหุ้นหลายคน เคยเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นในบริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง มาก่อน อาทิ นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร อดีตกรรมการและผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง จำนวน 43,739,000 หุ้น เป็นอดีตผู้ก่อตั้ง กรรมการ และผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด จำนวน 232,560 หุ้น

"ประเด็นที่รัฐบาล ยอมนำหัวของบริษัทจีนมาทำสัญญาแบบจีทูจี เป็นเพราะว่าต้องการเลี่ยงการประมูลซึ่งมีราคาสูง ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า เมื่อทำเช่นนี้ จะค้าข้าวกระสอบละ 300 บาท ทั้งที่ราคาข้าวในตลาดจะอยู่ที่กระสอบละ 1,500 - 1,555 บาท ดังนั้นเมื่อค้าข้าวกระสอบละ 300 บาท จำนวนที่รัฐบาลว่าจะขายทั้งหมด 7.32 ล้านตัน จะมีค่าส่วนต่างถึง 2หมื่นล้านบาท"น.พ.วรงค์ อภิปราย

นพ.วรงค์ อภิปรายว่า จากการตรวจสอบของการบันทึกเบิกข้าวของกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ พบว่ามีการอำพรางชื่อบริษัทที่จะส่งมอบข้าว โดยใบบันทึกช่วงต้นพบมีการบันทึกบริษัทรับข้าวว่า “สยามเอริก้า” แต่ช่วงท้ายของบันทึกเบิกข้าว เจ้าหน้าที่พิมพ์ว่าสยามอินดิก้า ดังนั้นจึงถือว่ามีการลับลวงพราง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น