ทำไมคุณจึงต้องกินไฟเบอร์
ไฟเบอร์จะช่วยลดน้ำตาลในเลือด ลดระดับคอเลสเตอรอล ช่วยป้องกันมะเร็งลำไส้ และปกป้องคุณจากริดสีดวงทวาร ถ้าเราบอกว่าไฟเบอร์เป็นยาอายุวัฒนะก็อาจจะไม่ผิดนัก แต่ปัญหาคือเรามักจะกินไฟเบอร์กันไม่พอน่ะสิ โดยผู้หญิงเราควรได้รับไฟเบอร์อย่างน้อย 25 กรัมต่อวัน ส่วนผู้ชายนั้นอยู่ที่ 35-40 กรัม แต่คนทั่วไปจะกินกันแค่ 15 กรัมเท่านั้น (ไม่นับอาหารที่มีการใส่ไฟเบอร์เสริม)
1.ถั่วขาว นอกเหนือจากไฟเบอร์ โปรตีน และธาตุเหล็กแล้ว ถั่วขาวยังเป็นหนึ่งในแหล่งโพแทสเซียมตามธรรมชาติที่ดีที่สุด โดยเพียงถ้วยเดียวจะให้ร้อยละ 25 ของโพแทสเซียมที่ร่างกายต้องการในหนึ่งวัน อย่างไรก็ดี หากคุณเป็นห่วงเรื่องแก๊สมาก เทคนิคก็คือ อย่ากินไฟเบอร์ทีเดียวเยอะ ๆ ค่อย ๆ เพิ่มในแต่ละวันดีกว่าเพื่อให้ระบบย่อยอาหารเคยชิน
2.ข้าวโพด เราคุ้นเคยกับข้าวโพดสีเหลืองกันดี แต่อาจจะลองกินข้าวโพดสีม่วง หรือสีดำก็ไม่ว่ากัน ข้าวโพดหนึ่งฝัก (หรือประมาณครึ่งถ้วย) จะมีไฟเบอร์ประมาณ 2 กรัม จะกินเป็นป๊อปคอร์นแทนก็ได้ แต่ต้องระวังไม่ใส่เนย น้ำตาล หรือเกลือมากเกินไป ป๊อปคอร์นจะให้ไฟเบอร์ประมาณ 3.5 กรัม ต่อปริมาณสามถ้วย
3.ถั่วดำ ในหนึ่งถ้วยจะให้ไฟเบอร์กับโปรตีนมากถึง 15 กรัม สีที่เข้มของมันยังบ่งบอกว่า มีฟลาวานอยด์ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระอยู่มากอีกด้วย
4.ถั่วแระ คือถั่วเหลืองอ่อน ๆ ที่ต้มทั้งฝักนั่นเอง โดยถั่วแระครึ่งถ้วยจะให้โปรตีนถึง 11 กรัม และไฟเบอร์อีก 9 กรัม
5.ข้าวกล้อง หาก คุณกินแต่ข้าวขาวอย่างเดียว คุณอาจไม่คุ้นกับข้าวกล้อง แต่ลองกินดูเถอะ เพราะข้าวกล้องอาจมีใยอาหารสูงถึง 3.5 กรัม/ถ้วย นอกจากนี้ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดยังพบว่า การกินข้าวขาวนั้นอาจจะทำให้ความเสี่ยงเป็นเบาหวานประเภทสองสูงขึ้นถึง 17% แต่การกินข้าวกล้อง 2 หน่วยบริโภค/สัปดาห์ ก็จะช่วยลดความเสี่ยงได้ 11%
6.สาลี่ เช่นเดียวกับผลไม้อื่น ๆ ที่มีเปลือกกินได้ สาลี่ และลูกแพรจะมีสารอาหารและไฟเบอร์สูงสุดเมื่อกินพร้อมเปลือกโดยผลขนาดกลางอาจ ให้ไฟเบอร์ถึง 5.5 กรัม
7.ขนมปังโฮลวีต เพราะ ขนมปังสีขาวนั้นถูกขัดเอาจมูกและธัญพืชออกไปหมดแล้ว ทำให้ไม่เหลือสารอาหารกับไฟเบอร์ การเปลี่ยนจากขนมปังขาวเป็นขนมปังโฮลวีตทั้งหมดจะช่วยเรื่องปริมาณไฟเบอร์ใน ระยะยาวได้มากทีเดียว
8.บร็อกโคลี่ เป็นที่รู้จักกันดีเรื่องคุณสมบัติต้านโรคมะเร็ง บร็อกโคลี่มีไฟเบอร์อยู่มากมาย คุณจะได้รับไฟเบอร์สูงถึง 5.1 กรัมต่อบร็อกโคลี่ 1 ถ้วย
9.ข้าวโอ๊ต เพราะ ข้าวโอ๊ตมีเบต้ากลูแคน ไฟเบอร์ชนิดพิเศษ ซึ่งมีข้อดีคือช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน นอกจากนี้ข้าวโอ๊ตยังมีไฟเบอร์ทั้งแบบละลายน้ำ (ช่วยลดความดันโลหิต) และไฟเบอร์แบบไม่ละลายน้ำ (ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานตามปกติ)
10.ถั่วแดง ลองหุงถั่วแดงกับข้าวแล้วคุณจะรู้ว่าความอร่อยแบบง่าย ๆ มีจริง แม้จะหาได้ง่าย แต่ถั่วแดงก็ให้สารอาหารที่จำเป็นคือ ไฟเบอร์ โปรตีน และธาตุเหล็ก
11.แอปเปิ้ล เช่น เดียวกับลูกแพร ประโยชน์ส่วนใหญ่ของแอปเปิ้ลนั้นแทรกอยู่ในผิว คุณต้องไม่ปอกเปลือก เพื่อที่จะให้ได้รับไฟโตเคมีสูงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยแอปเปิ้ลผลขนาดกลางจะให้ไฟเบอร์ถึง 4.4 กรัม
12.อะโวคาโด เนื้อครีมของอะโวคาโดเป็นแหล่งของใยอาหาร เพียงแค่ 2 ช้อนโต๊ะเท่านั้นจะให้ไฟเบอร์มากถึง 2 กรัม และในอะโวคาโดหนึ่งผลอาจให้ไฟเบอร์ถึง 10 กรัม แถมด้วยไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงเกิดโรคหัวใจได้อีกต่างหาก
13.ราสป์เบอร์รี่ ไม่ว่าจะเป็นสีแดง หรือม่วงเข้ม ราสป์เบอร์รี่ก็มีสารอาหารอยู่มากมาย นอกเหนือจากจะให้ไฟเบอร์ปริมาณที่สูงมาก ประมาณ 1 ถ้วยจะให้ไฟเบอร์ 1 ใน 3 ของปริมาณที่ร่างกายต้องการต่อวันแล้ว นอกจากนี้ ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่มากมาย ข้อดีก็คือ ราสป์เบอร์รี่แช่แข็งก็มีประโยชน์พอ ๆ กับของสดจ้า
14.ข้าวบาร์เลย์ เป็นที่รู้จักกันในฐานะวัตถุดิบของเบียร์วิสกี้ แต่ข้าวบาร์เลย์ก็เหมาะกับโยเกิร์ต หรือน้ำเต้าหู้เหมือนกัน โดยมีการศึกษาเมื่อเร็ว ๆ นี้พบว่า คนที่กินข้าวบาร์เลย์เป็นอาหารเช้าจะอิ่มยาวไปถึงมื้อกลางวันมากกว่าคนที่ กินข้าวขัดสีธรรมดาด้วย
15.อัลมอนด์ เช่น เดียวกับถั่วและเมล็ดพืชอื่น ๆ ที่กินได้ อัลมอนด์เต็มไปด้วยไฟเบอร์ ไขมันที่มีประโยชน์ และโปรตีน อย่างไรก็ดี ถั่วชนิดนี้มีแคลอรี่สูงมาก ดังนั้น จึงต้องระวังหน่วยบริโภคกันสักนิด ¼ ถ้วยจะให้ไฟเบอร์ประมาณ 3 กรัม แต่ก็มีแคลอรี่สูงถึง 170 แคลอรี่
Tip : น้ำ ผลไม้อาจจะมีกากใยอยู่ก็จริง แต่ผลไม้สดนั้นย่อมดีกว่า ยกตัวอย่างเช่น น้ำส้ม อาจให้พลังงานถึง 110 แคลอรี่ แต่ส้มจะให้พลังงานน้อยกว่า แถมยังอิ่มนานกว่าด้วยนะ
4.ถั่วแระ คือถั่วเหลืองอ่อน ๆ ที่ต้มทั้งฝักนั่นเอง โดยถั่วแระครึ่งถ้วยจะให้โปรตีนถึง 11 กรัม และไฟเบอร์อีก 9 กรัม
5.ข้าวกล้อง หาก คุณกินแต่ข้าวขาวอย่างเดียว คุณอาจไม่คุ้นกับข้าวกล้อง แต่ลองกินดูเถอะ เพราะข้าวกล้องอาจมีใยอาหารสูงถึง 3.5 กรัม/ถ้วย นอกจากนี้ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดยังพบว่า การกินข้าวขาวนั้นอาจจะทำให้ความเสี่ยงเป็นเบาหวานประเภทสองสูงขึ้นถึง 17% แต่การกินข้าวกล้อง 2 หน่วยบริโภค/สัปดาห์ ก็จะช่วยลดความเสี่ยงได้ 11%
6.สาลี่ เช่นเดียวกับผลไม้อื่น ๆ ที่มีเปลือกกินได้ สาลี่ และลูกแพรจะมีสารอาหารและไฟเบอร์สูงสุดเมื่อกินพร้อมเปลือกโดยผลขนาดกลางอาจ ให้ไฟเบอร์ถึง 5.5 กรัม
7.ขนมปังโฮลวีต เพราะ ขนมปังสีขาวนั้นถูกขัดเอาจมูกและธัญพืชออกไปหมดแล้ว ทำให้ไม่เหลือสารอาหารกับไฟเบอร์ การเปลี่ยนจากขนมปังขาวเป็นขนมปังโฮลวีตทั้งหมดจะช่วยเรื่องปริมาณไฟเบอร์ใน ระยะยาวได้มากทีเดียว
8.บร็อกโคลี่ เป็นที่รู้จักกันดีเรื่องคุณสมบัติต้านโรคมะเร็ง บร็อกโคลี่มีไฟเบอร์อยู่มากมาย คุณจะได้รับไฟเบอร์สูงถึง 5.1 กรัมต่อบร็อกโคลี่ 1 ถ้วย
9.ข้าวโอ๊ต เพราะ ข้าวโอ๊ตมีเบต้ากลูแคน ไฟเบอร์ชนิดพิเศษ ซึ่งมีข้อดีคือช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน นอกจากนี้ข้าวโอ๊ตยังมีไฟเบอร์ทั้งแบบละลายน้ำ (ช่วยลดความดันโลหิต) และไฟเบอร์แบบไม่ละลายน้ำ (ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานตามปกติ)
10.ถั่วแดง ลองหุงถั่วแดงกับข้าวแล้วคุณจะรู้ว่าความอร่อยแบบง่าย ๆ มีจริง แม้จะหาได้ง่าย แต่ถั่วแดงก็ให้สารอาหารที่จำเป็นคือ ไฟเบอร์ โปรตีน และธาตุเหล็ก
11.แอปเปิ้ล เช่น เดียวกับลูกแพร ประโยชน์ส่วนใหญ่ของแอปเปิ้ลนั้นแทรกอยู่ในผิว คุณต้องไม่ปอกเปลือก เพื่อที่จะให้ได้รับไฟโตเคมีสูงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยแอปเปิ้ลผลขนาดกลางจะให้ไฟเบอร์ถึง 4.4 กรัม
12.อะโวคาโด เนื้อครีมของอะโวคาโดเป็นแหล่งของใยอาหาร เพียงแค่ 2 ช้อนโต๊ะเท่านั้นจะให้ไฟเบอร์มากถึง 2 กรัม และในอะโวคาโดหนึ่งผลอาจให้ไฟเบอร์ถึง 10 กรัม แถมด้วยไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงเกิดโรคหัวใจได้อีกต่างหาก
13.ราสป์เบอร์รี่ ไม่ว่าจะเป็นสีแดง หรือม่วงเข้ม ราสป์เบอร์รี่ก็มีสารอาหารอยู่มากมาย นอกเหนือจากจะให้ไฟเบอร์ปริมาณที่สูงมาก ประมาณ 1 ถ้วยจะให้ไฟเบอร์ 1 ใน 3 ของปริมาณที่ร่างกายต้องการต่อวันแล้ว นอกจากนี้ ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่มากมาย ข้อดีก็คือ ราสป์เบอร์รี่แช่แข็งก็มีประโยชน์พอ ๆ กับของสดจ้า
14.ข้าวบาร์เลย์ เป็นที่รู้จักกันในฐานะวัตถุดิบของเบียร์วิสกี้ แต่ข้าวบาร์เลย์ก็เหมาะกับโยเกิร์ต หรือน้ำเต้าหู้เหมือนกัน โดยมีการศึกษาเมื่อเร็ว ๆ นี้พบว่า คนที่กินข้าวบาร์เลย์เป็นอาหารเช้าจะอิ่มยาวไปถึงมื้อกลางวันมากกว่าคนที่ กินข้าวขัดสีธรรมดาด้วย
15.อัลมอนด์ เช่น เดียวกับถั่วและเมล็ดพืชอื่น ๆ ที่กินได้ อัลมอนด์เต็มไปด้วยไฟเบอร์ ไขมันที่มีประโยชน์ และโปรตีน อย่างไรก็ดี ถั่วชนิดนี้มีแคลอรี่สูงมาก ดังนั้น จึงต้องระวังหน่วยบริโภคกันสักนิด ¼ ถ้วยจะให้ไฟเบอร์ประมาณ 3 กรัม แต่ก็มีแคลอรี่สูงถึง 170 แคลอรี่
Tip : น้ำ ผลไม้อาจจะมีกากใยอยู่ก็จริง แต่ผลไม้สดนั้นย่อมดีกว่า ยกตัวอย่างเช่น น้ำส้ม อาจให้พลังงานถึง 110 แคลอรี่ แต่ส้มจะให้พลังงานน้อยกว่า แถมยังอิ่มนานกว่าด้วยนะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น