วันอังคารที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2555

พบป่าเหนือเขื่อนแควน้อยฯ ถูกรุกเพิ่มไม่หยุด-แปรสภาพเป็นสวนยางฯ ใหม่เพียบ


แม่ทัพน้อยที่ 3 พร้อมผู้ว่าฯ สองแคว, ผอ.สำนัก 4 กรมป่าไม้ ขึ้น ฮ.บินตรวจพื้นที่บุกรุกป่าต้นน้ำเหนือเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน เผยประชากรอพยพเพิ่ม-ขยายพื้นที่บุกรุก แปรสภาพเป็นสวนยางพารามากขึ้น วางแผนนำมติ ครม. 30 มิ.ย. 41 สกัด
      
       วันนี้( 11 ธ.ค.) พล.ท.ปรีชา จันทร์โอชา แม่ทัพน้อยที่ 3, นายปรีชา เรืองจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก, นายธนัช เนมีย์ ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 4 สาขาพิษณุโลก, นายอดิเรก อินใจ ผอ.ส่วนป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า สำนัก 4 (พิษณุโลก) ได้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ตรวจการบุกรุกทำลายป่าเหนือเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน อ.วัดโบสถ์ และ อ.ชาติตระการ เขตรอยต่อจังหวัดพิษณุโลก-เลย ซึ่งเป็นป่าต้นน้ำสำคัญ โดยใช้เวลาบินตรวจสอบพื้นที่บุกรุกทำลายป่าจำนวน 2 แห่งในเขตจังหวัดพิษณุโลก
      
       พล.ท.ปรีชาเปิดเผยว่า ผบ.ทบ.ให้ความสำคัญต่อป่าไม้ จึงมีการเซ็น MOU กับกรมป่าไม้ 9-10 ข้อเพื่อบูรณาการป้องกันการบุกรุกทำลายป่า ซึ่งพบว่าในภาคเหนือพื้นที่ที่มีปัญหารุนแรงอันดับต้นๆ คือ ลำปาง แพร่ น่าน อุตรดิตถ์ และพิษณุโลก
      
       สำหรับการแก้ปัญหาขั้นแรกคือ การประชาสัมพันธ์แก่คนในพื้นที่ จากนั้นจึงค่อยใช้วิธีปราบปราม ซึ่งพิษณุโลกมีปัญหาบริเวณเหนือเขื่อนแควน้อย และเขตรอยต่อจังหวัดเลยกับพิษณุโลก
      
       ด้านนายธนัช เนมีย์ ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 4 สาขาพิษณุโลก เปิดเผยว่า พื้นที่ต้นน้ำเขื่อนแควน้อยบำรุงแดนมีประชากรอพยพจากต่างถิ่นเพิ่มขึ้น และมีการใช้พื้นที่เพิ่มมากขึ้น ใช้พื้นที่ปลูกสวนยางพารากันมากขึ้น ทำให้มีการบุกรุกที่ดินในเขตรอยต่อของพื้นที่อนุรักษ์และพื้นที่ป่าสงวน ซึ่งหากเจ้าหน้าที่ป่าไม้พบว่ามีการบุกรุกที่ดินใหม่จะถูกจับกุมทันที
      
       ส่วนพื้นที่ทำกินยังมีมติ ครม.30 มิ.ย. 41 ควบคุมดูแลอยู่ ประชาชนที่ทำกินยังผ่อนปรนสามารถอยู่ได้
      
       อย่างไรก็ตาม สำนัก 4 จะวางแผนออกแบบแนวทางเพื่อป้องกันไม่ให้ขยายพื้นที่ใหม่ แต่ปัญหาตอนนี้คือ งบประมาณที่มีอยู่อย่างจำกัด ไม่สามารถเข้าไปถึงพื้นที่กันดารได้ แม้แต่วันนี้ (11 ธ.ค.) ที่ใช้ ฮ.เป็นพาหนะก็ต้องเดินทางถึง 224 กิโลเมตร ใช้เวลา 2 ชั่วโมง หากเดินเท้าต้องใช้เวลาเป็นวันๆ แน่
      
       ขณะที่นายปรีชา เรืองจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก เปิดเผยว่า พื้นที่ต้นน้ำมีการทำสวนยางมาก จากเดิมแถบ อ.วังทอง อ.วัดโบสถ์ ที่เคยปลูกมันสำปะหลัง ข้าวโพด ก็เปลี่ยนเป็นสวนยางกันหมด จะต้องไปดูว่ารายไหนเป็นรายเก่า รายไหนเป็นรายใหม่ เพราะถ้ามีการบุกรุกใหม่คงไม่ปล่อยไว้
      
       ส่วนพื้นที่ อ.ชาติตระการ ซึ่งเป็นพื้นที่ห่างไกล ในเขตรอยต่อพิษณุโลก-เลย เป็นป่าต้นน้ำ เมื่อพบว่าถูกบุกรุกทำเป็นป่าข้าวโพดจะต้องตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษ นอกจากนี้ยังมีปัญหาขยายพื้นที่ขอใช้ประโยชน์ของกองทัพภาคที่ 3 ถ้ามีการบุกรุกเพิ่มก็คงจะไม่ปล่อยไว้เช่นกัน จะต้องดำเนินคดี
      
       “อย่างไรก็ตาม ผลการตรวจพื้นที่วันนี้ประมาณ 2 จุดใหญ่ๆ จะต้องเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาการบุกรุกต่อ ไป”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น