วันพฤหัสบดีที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2555
วิตามินเสริมกินอย่างไรให้เหมาะกับวัย
วิตามินเสริม...ความจริงแล้วจำเป็นหรือไม่ แล้วจะต้องกินอย่างไรถึงจะพอ จะดีต่อสุขภาพของตัวเองแบบไม่กินทิ้งให้เปลืองเงิน
จริงๆ แล้วทางการแพทย์กล่าวว่า วิตามินเสริมมีความจำเป็นกับร่างกาย เนื่องจากเซลล์ในร่างกายของคนเรามีการทำงานตลอดเวลา ต้องการสารอาหารที่ให้พลังงาน และสารอาหารที่ช่วยหล่อลื่นให้เซลล์ทำงานได้ตลอดเวลาเช่นกัน แต่ด้วยภาวะเร่งรีบในปัจจุบันทำให้การบริโภคมีแต่อาหารประเภทเดียวซ้ำไปซ้ำมา ขาดความหลากหลายทางโภชนาการ ส่งผลให้เซลล์ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ร่างกายจึงอ่อนล้าเพราะระบบในร่างกายขาดความสมดุล
ทั้งนี้การเลือกรับประทานวิตามินต้องให้เหมาะกับช่วงวัยด้วยเพื่อให้ร่างกายดูดซึมสมบูรณ์ และได้ประโยชน์มากขึ้น
ต่ำกว่า 20 ปี
ช่วงอายุของการเจริญเติบโต ร่างกายต้องการสารอาหารที่จำเป็นสำหรับสร้างกล้ามเนื้อและกระดูก วิตามิน C และ D มีบทบาทอย่างมากในการสร้างกระดูก โดยช่วยดูดซึมแร่ธาตุสำคัญต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น แคลเซียม แมกนีเซียม หรือฟอสฟอรัส
20 - 40 ปี
เป็นช่วงที่ร่างกายเจริญเติบโตแบบช้าๆ ระบบประสาทกับสมองทำงานหนัก เนื่องจากอยู่ในวัยทำงานสร้างฐานะ ควรเสริมวิตามิน B ทั้งหมด ซึ่งช่วยในการทำงานของสมอง และประสาทส่วนกลาง การทำงานของหัวใจ สร้างเม็ดเลือดแดง และระบบภูมิคุ้มกัน
40 ปีขึ้นไป
มีการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายเร็ว เนื่องจากระดับฮอร์โมนลดลง และเริ่มมีสัญญาณแห่งความหย่อนคล้อย และโรคต่างๆ เนื่องจากอนุมูลอิสระ วิตามินทุกชนิดล้วนจำเป็นต่อร่างกาย แต่เน้นวิตามิน C ซึ่งจะช่วยขจัดอนุมูลอิสระที่ก่อให้เกิดโรคหลายชนิด นอกจากนี้วิตามิน E หากได้รับอย่างเหมาะสมจะลดภาวะวัยทองได้ วิตามินทั้ง 2 ชนิดต่างมีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระสูง
ปัจจุบันความก้าวหน้าทางการแพทย์ก้าวไปไกล แพทย์เฉพาะทางด้านศาสตร์แห่งการชะลอวัย ที่มีความชำนาญในเรื่องการใช้วิตามินมารักษารวมถึงป้องกันโรคต่างๆ มีคัสตอมไมซ์ ซัพพลีเม้นท์ การปรุงสูตรวิตามินจากพื้นฐานประวัติของคนไข้ โดยอิงจากผลการตรวจร่างกาย ซึ่งวิธีนี้ถือเป็นข้อดีกว่าการรับประทานแยกชนิด เพราะจะต้องรับประทานจำนวนหลายสิบเม็ด ซึ่งการทำคัสตอมไมซ์ ซัพพลีเม้นท์ ทำให้ไม่ต้องรับประทานวิตามินในปริมาณหลายเม็ดสร้างความสะดวกสบายมากขึ้น
กินถูกก็ดี กินผิดวิธีก็ให้โทษ
วิตามินแต่ละชนิดราราไม่ใช่ถูก เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด จึงควรศึกษาวิธีการรับประทานแต่ละชนิดให้เข้าใจ เพราะวิตามินแต่ละชนิดมีข้อห้ามแตกต่างกัน อาทิ วิตามินซี มีประโยชน์ในเรื่องของการต้านทาน ลดความเสี่ยง โดยเฉพาะในเรื่องของไวรัส ไข้หวัดหรือระบบทางเดินหายใจ นอกจากนี้วิตามิน C ยังช่วยในเรื่องของผิวพรรณ ช่วยให้ผิวขาวขึ้น ทำให้คอลลาเจนของเราแข็งแรง ผิวเหี่ยวย่นน้อยลง แต่การใช้วิตามิน C ผิด อาจจะมีโทษได้หรือภาวะความเป็นพิษได้ เพราะฉะนั้นจึงควรรับประทานในปริมาณที่แพทย์หรือเภสัชกรแนะนำเท่านั้น
เชคลิส หลักการง่ายๆ ก่อนตัดสินใจซื้อ
1. ถามตัวเองก่อนว่าต้องการกินวิตามินเพื่ออะไร ต้องการเสริมจุดไหนในร่างกาย
2. จะเลือกยี่ห้อไหน และดูการขึ้นทะเบียนให้ถูกต้อง มีอย.
3. แหล่งที่มาของวัตถุดิบจากที่ไหน เพราะมีผลต่อคุณภาพวิตามิน
4. ดูวันหมดอายุ
5. บรรจุภัณฑ์เหมาะสมหรือไม่ เพราะวิตามินบางตัวห้ามโดนแสงแดด เนื่องจากแสงแดดเป็นต้นเหตุของอนุมูลอิสระ ซึ่งมันจะไปทำร้ายฤทธิ์ของวิตามิน เท่ากับการรับประทานวิตามินนั้นสูญเปล่า โดยเฉพาะวิตามินซี ถ้าโดนแสงแดดแล้วจะทำให้ฤทธิ์ของวิตามินอ่อนลง และสีจะเปลี่ยน
เรียกได้ว่าในแต่ละวัยก็ต้องการวิตามินในปริมาณและชนิดที่แตกต่างกัน แต่สิ่งสำคัญไม่ใช่แค่เรื่องอายุ หากแต่ร่างกายของแต่ละคน ที่จะเป็นตัววัดว่าคนเราควรได้รับวิตามินแค่ไหนถึงจะเหมาะสม ฉะนั้นการเลือกซื้อวิตามินมารับประทานเอง ควรปรึกษาเภสัชกรหรือพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
TIPS ทางการแพทย์ไม่แนะนำให้รับประทานวิตามินในช่วงที่ท้องว่าง เพราะว่าวิตามินเสริมส่วนใหญ่มีฤทธิ์เป็กรดอ่อนๆ เช่น วิตามินซี น้ำมันปลา หากรับประทานพร้อม ๆ กัน ความเป็นกรดจะทำลายกระเพาะอาหาร ทำให้รู้สึกท้องอืด แน่น ท้องเฟ้อในทางกลับกัน หากรับประทานพร้อมอาหารหรือหลังอาหาร อาการดังกล่าวจะไม่เกิดขึ้น ร่างกายจะเริ่มกระบวนการย่อยทันที และรับรู้ว่าวิตามินที่รับประทานเป็นสารอาหารตัวหนึ่ง ช่วยให้การดูดซึมสมบูรณ์และได้ประโยชน์มากขึ้น
ที่มา : สุขภาพดี
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น