แปลงกายเป็นสาวมั่นรับปีใหม่ ด้วย…"รอบเอวในฝัน...ฉันก็ทำได้"
"เวลา ผ่านไปไวเหมือนโกหก" วลีนี้ใช้ได้เสมอกับทุกสถานการณ์ เพราะเผลอไม่ทันไร...เราก็ก้าวเข้าสู่ปี 2556 แบบไม่ทันตั้งตัวกันแล้ว ทำให้ต้องนึกย้อนกลับไปว่า เมื่อต้นปีที่แล้วเราตั้งใจทำอะไรไว้บ้าง แล้วมีอะไรที่เราได้ทำสำเร็จไปแล้วบ้าง หรือหากทำได้ครึ่งหนึ่งของที่ตั้งใจไว้ก็ถือว่าเยี่ยมยอด ส่วนใครที่ทำได้บ้างไม่ได้บ้าง ปีใหม่นี้ เรามาลองตั้งใจอีกครั้ง โดยหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องใกล้ตัวที่สุด แต่กลับถูกใส่ใจเป็นอันดับท้าย ๆ ของชีวิต คือ "การดูแลสุขภาพของตัวเราเอง" ซึ่งนอกจากจะทำให้เราห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บแล้ว ยังเป็นการเริ่มต้นสิ่งใหม่ที่ดี ๆ และกระตุ้นให้เราหันมารักตัวเองมากยิ่งขึ้นด้วย...
เฮอร์บาไลฟ์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ไทยแลนด์) ลิมิเต็ด ได้แนะให้ทุกคนเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อเริ่มต้นปีใหม่ โดย เริ่มจาก "รอบเอวในฝัน...ฉันทำได้" เพื่อกระตุ้นให้คนไทยหันมาใส่ใจต่อการมีสุขภาพที่ดี พร้อมสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ที่ต้องการการเปลี่ยนแปลงสิ่งเล็ก ๆ แต่ส่งผลทางจิตใจที่ยิ่งใหญ่ ด้วยบันได 5 ขั้น เพื่อ "ขนาดเอวในฝัน" ที่ใคร ๆ ก็สามารถทำได้เพื่อต้อนรับปีใหม่นี้...
1.น้ำหนักตัวแค่ไหน...ถึงจะใช่
คำว่า "อ้วน" นั้น บางทีก็เป็นเรื่องของความรู้สึก ความพึงพอใจของแต่ละคน บางคนน้ำหนักเท่ากัน แต่ก็รู้สึกว่าตัวเองยังอ้วน มีสัดส่วนเกิน ขณะที่บางคนรู้สึกว่าไม่อ้วนเลย เกณฑ์ง่าย ๆ ที่จะบอกว่าเราเข้าข่ายอ้วนแล้วหรือเปล่า คือเอาส่วนสูงมาลบด้วย 110 ถ้าเป็นผู้หญิง และสำหรับผู้ชายเอา 100 มาลบออกจากส่วนสูงที่เป็นเซนติเมตร
แต่ถ้าเราจะเอาเกณฑ์ทางการแพทย์มาพิจารณา เพื่อควบคุมน้ำหนักให้เหมาะสมกับขนาดตัวจริง ๆ ก็ต้องใช้การคำนวณ "ดัชนีมวลกาย" หรือที่เรียกว่า BMI - Body Mass Index ซึ่งคำนวณจากน้ำหนักและส่วนสูง โดยนำน้ำหนักตัวปัจจุบัน (กิโลกรัม) หารด้วยส่วนสูง (เมตร) ยกกำลังสอง ได้ค่าเท่าไหร่ก็ให้นำมาเทียบกับค่ามาตรฐาน ก็จะรู้แน่ว่ารูปร่างเรายังสลิมแบบสุขภาพดีอยู่ หรือเข้าข่ายท้วม อ้วน หรืออ้วนสุด ๆ กันแล้ว ดังนั้น อย่ากลัวที่จะก้าวขึ้นตาชั่งเพื่อหาน้ำหนักปัจจุบัน ซึ่งจะนำไปสู่การพยายามรักษาน้ำหนักตัวให้เหมาะสมกับสรีระ
2.โภชนาการดี...มีชัยไปกว่าครึ่ง!
"โภชนาการที่ดี" เป็นองค์ประกอบพื้นฐานที่สำคัญต่อการดูแลและรักษาสุขภาพของทุกคน เพราะหากใส่ใจต่อการมีโภชนาการที่ดีให้ได้ในทุก ๆ วันแล้ว เป้าหมายของรอบเอวในฝันที่หวังไว้ก็อยู่ใกล้แค่มือคว้า โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้หน่วยงาน USDA ของอเมริกา ก็ยังได้ออกมารณรงค์ให้ผู้คนหันมาใส่ใจ สัดส่วนของอาหารบนจานที่ควรทานในแต่ละมื้ออีกด้วย
โดย ให้แบ่งจานออกเป็น 3 ส่วน โดยให้เราตักผักใบสีเขียว ผักสดต่างๆ 1/2 จาน ต้องไม่ตักหรือทานคาร์โบไฮเดรต เกิน 1/4 จาน และให้เน้นทานแป้งเชิงซ้อน อย่างข้าวที่ไม่ได้ขัดสี ขนมปังโฮลวีท ธัญพืช เมล็ดถั่วต่าง ๆ ส่วนที่เหลืออีก 1/4 จานให้เลือกทานโปรตีนคุณภาพดีและไร้ไขมัน เช่น ปลา ไข่ เนื้อหมู/วัว ฯลฯ ขนาดเท่าฝ่ามือของตัวคุณเอง รวมด้วยผลไม้หลากสีเพื่อให้ร่างกายได้รับวิตามินที่จำเป็น ซึ่งแน่นอนว่า การเลือกรับประทานอาหารประเภทเหล่านี้ มีแต่จะช่วยให้รอบเอวนับถอยหลังลงเรื่อย ๆ
3.ซ้ายที...ขวาที วันละ 30 นาที...ช่วยได้เกิน 100%
การออกกำลังกายจะเป็นตัวช่วยสำคัญให้คุณดูเพรียวขึ้นได้อย่างทันใจ ไม่ว่าคุณจะตั้งเป้าน้ำหนักอยู่ที่เท่าไหร่ ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะเลือกออกกำลังกายแบบไหน ท่าลดเอวที่ทำได้ง่าย ๆ แต่ได้ผล เช่น การนอนตะแคงยกขาขึ้นลง คล้ายกรรไกร ทำข้างละ 20-30 ครั้งสลับไปมา ยืนหมุนตัวบนแผ่นหมุน 15-20 นาที หรือจะนั่งแยกขาเป็นรูปตัววีและยื่นมือไปจับปลายเท้าสลับซ้ายขวา แต่ สิ่งสำคัญคือควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยวันละ 20-30 นาทีจะเป็นช่วงเวลาใดก็ได้ สำหรับคนที่ไม่มีเวลาจริง ๆ การวิ่งหรือเดินเร็ว ๆ จะช่วยให้กล้ามเนื้อได้ออกแรงและเผาผลาญแคลอรี่ได้ดียิ่งขึ้น
4.น้ำ..ผู้ช่วยที่ถูกลืม
น้ำเป็นสิ่งจำเป็นต่อคนเราอย่างมากทีเดียว กลไกในร่างกายส่วนใหญ่ใช้น้ำเป็นตัวขับเคลื่อน แต่เรามักดื่มน้ำในปริมาณที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ข้อมูลทางการแพทย์ ระบุว่า แม้คุณขาดอาหารแต่ก็ยังคงมีชีวิตอยู่ได้หลายสัปดาห์ แต่ถ้าขาดน้ำแล้วไม่เกิน 2 สัปดาห์คุณก็จะเสียชีวิตอย่างแน่นอน นั่นเป็นเพราะน้ำทำหน้าที่ละลายอาหารที่ย่อยแล้ว และแพร่ผ่านผนังหลอดเลือดที่ลำไส้เล็กเข้าสู่กระแสเลือด ดังนั้น เราจึงควรดื่มน้ำให้ได้วันละ 8 แก้ว หรือใช้วิธีวางแก้วน้ำไว้ใกล้ตัว เพื่อยกขึ้นจิบได้ตลอดวัน
ลองสังเกตดูดี ๆ ถ้าเมื่อไหร่ที่คุณดื่มน้ำน้อยกว่าปกติ แน่นอนว่าคุณจะต้องกินอาหารมากขึ้นตามไปด้วย และถ้าเป็นเช่นนี้ ลองหลับตานึกดูว่าเมื่อชั่งน้ำหนักครั้งต่อไปเข็มจะกระดิกขึ้นไปอีกเท่า ไหร่...
5.นอนหลับพักผ่อนเท่าที่ร่างกายต้องการ
โดยปกติ เพื่อให้ระบบการเผาผลาญสามารถทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยม คุณควรหลีกเลี่ยงการอยู่หรือทำงานในเวลากลางคืน เพราะแสงสลัวในยามค่ำคืนและการนอนดึก จะยิ่งทำให้คุณอยากทานของจุบจิบ หรือหิวระหว่างคืนได้ จะกลายเป็นการเพิ่มรอบเอวโดยไม่ตั้งใจไป การพัก ผ่อนด้วยการนอนไม่น้อยกว่า 6-8 ชั่วโมง ไม่เกิน 4-5 ทุ่มของทุกวัน จะทำให้ร่างกายได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ ซึ่งจะสามารถเพิ่มระบบเผาผลาญได้มากขึ้นจากปกติถึง 40% และเป็นความจริงที่ว่า การอดนอนไม่สามารถจะนอนชดเชยได้ ไม่ว่าจะเพิ่มชั่วโมงการนอนมากขึ้นเท่าใดก็ตาม เพราะผลพิสูจน์ที่ได้ คือ การอดนอนหรือนอนมากเกินไปจะทำให้ระบบเผาผลาญลดประสิทธิภาพลง (คล้ายกบจำศีล) ซึ่งแน่นอนว่ารอบเอวหนา ๆ จะร้องหาคุณแน่
ที่มา : ไทยโพสต์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น