รัฐบาลประกาศปฏิทินการเมืองต่อเนื่อง
หลังสภาผู้แทนฯ ผ่านร่างพ.ร.บ. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งของประเทศ วงเงิน 2 ล้านล้านบาท
หรือที่เรียกกันว่าพ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้าน
จะเป็นคิวแถลงผลงานรัฐบาล วันที่ 24 ก.ย.ซึ่งอาจยืดเยื้อถึง 25 ก.ย.
จากนั้น 28 ก.ย. เป็นการประชุมรัฐสภาลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นที่มาของส.ว. ในวาระ 3 ตาม ข้อเสนอวิปรัฐบาล
โดยไม่สนใจกรณีฝ่ายค้านยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความว่า การแก้ไข ดังกล่าวขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 หรือไม่ ทั้งยังขอให้ศาลฯ มีคำสั่งให้รัฐสภาชะลอลงมติวาระ 3 ไปจนกว่าศาลฯ จะมีคำวินิจฉัย
เนื่องจากรัฐบาลเชื่อว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นอำนาจหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ กระทำได้โดยปราศจาก การก้าวก่ายจากอำนาจตุลาการ หรือ อำนาจอื่นๆ
ซึ่งต้องดูว่าปฏิบัติการดับเครื่องชนอำนาจตุลาการครั้งนี้จะส่งผลให้การเมืองหักเหไปในทิศทางใด
หากว่าไปแล้วร่างพ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านก็น่าจะมีชะตากรรมไม่ต่างไปจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
จากการอภิปรายที่ผ่านมาฝ่ายค้านวางกรอบมุ่งไปยัง 4 ส่วน คือ
เรื่องวินัยการเงินการคลัง ความไม่เหมาะสมและความไม่พร้อมของโครงการ ความไม่ชอบมาพากลและกรอบกฎหมายที่การกู้เงินนี้เป็นเงินของแผ่นดินที่ต้องปฏิบัติตามพ.ร.บ.เกี่ยวกับงบประมาณ 4 ฉบับ
จุดที่ร่างพ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านส่อแววว่าจะมีชะตากรรมไม่ผิดเพี้ยนจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
เพราะฝ่ายค้านได้อภิปรายอ้างความเห็นคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายที่มีนายคณิต ณ นคร เป็นประธาน ชี้ประเด็นว่าการออกกฎหมายกู้เงินฉบับนี้ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 169 ว่าด้วยการจ่ายเงินแผ่นดิน
นำไปสู่การยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความแน่นอน
มีการตั้งข้อสังเกตพฤติกรรมฝ่ายค้านในการอภิปรายร่างพ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านว่า แตกต่างลิบลับกับการอภิปรายร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องที่มาส.ว. ที่เพิ่งผ่านไปไม่กี่วัน
นั่นเป็นเพราะฝ่ายค้านจริงจังกับการอภิปรายครั้งนี้มากกว่า จึงต้องลดระดับเกมประท้วงตีรวนต่างๆ ลงเพื่อป้องกันไม่ให้ส.ส.รัฐบาลอาศัยเป็นเหตุชิงเสนอปิดอภิปราย
เพราะจะทำให้ฝ่ายค้านเสียโอกาสเข้าไปมีส่วนร่วมแสดงบทบาทในร่างพ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้าน เหมือนอย่างที่ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์บางคนพยายามออกตัวว่า
รถไฟความเร็วสูงและรถไฟรางคู่เป็นโครงการที่ผ่านอนุมัติจากรัฐบาลชุดก่อนแทบทั้งสิ้น
การคัดค้านจึงไม่ได้คัดค้านตัวโครงการ แต่คัดค้านในเรื่องการออกกฎหมายนอกวิธีงบประมาณปกติ
ถึงฝ่ายค้านจะแบไต๋ชัดเจนว่าต้องการให้เรื่องไปจบที่ศาลรัฐธรรมนูญ
แต่รัฐบาลก็มั่นใจเช่นเดียวกันว่าการผลักดันพ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านที่ได้ผ่านการหารือกับกฤษฎีกา และเป็นไปตามกระบวนการออกกฎหมายทุกประการ
ไม่ต่างจากรัฐบาลชุดก่อนที่ออกพ.ร.ก.กู้เงิน 4 แสนล้านในโครงการไทยเข้มแข็ง
ความมั่นใจของรัฐบาลยังสะท้อนผ่านน.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ ที่ได้นัดหารือตัวแทนสมาคมธนาคารไทยก่อนหน้าประชุมสภา 1 วัน
ผลปรากฏตัวแทนธนาคารส่วนใหญ่มีความเห็นสนับสนุนกฎหมายกู้เงินดังกล่าว เพราะเชื่อว่าจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจการลงทุนและสร้างรายได้ให้ประชาชน
ยังไม่นับว่าโครงการพัฒนาระบบรางทั้งแบบความเร็วสูงและแบบรางคู่ จะเป็นการเปลี่ยนแปลงบริบทสังคมเมืองขนาดใหญ่ นำพาประเทศไทยเข้าสู่ความทันสมัย ทัดเทียมประเทศอื่นๆ ทั้งโลก
รัฐบาลเตรียมจัด ′คิกออฟ′ กิจกรรมโรดโชว์โครงการ 2 ล้านล้าน วันที่ 26 ก.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล ก่อนสัญจรไปยัง 12 จังหวัด เพื่อประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจกับประชาชนผู้ได้รับประโยชน์โดยตรง
กระนั้นก็ตามประเด็นพ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้าน ยังต้องรอดูกันต่อไปว่าระหว่างเกมเตะสกัดของฝ่ายค้านผ่านการยื่นตีความต่อศาลรัฐธรรมนูญ
กับเกมฝ่ายรัฐบาลที่เชื่อมโยงเอานักเศรษฐ ศาสตร์ นักธุรกิจ นักการเงินการธนาคาร นักวิชาการและประชาชนที่อยากเห็นประเทศชาติเจริญก้าวหน้าเข้ามาเป็นแรงหนุน
สุดท้ายแล้วผลตัดสินจะออกมาทางใด
ตลอดช่วง 2 ปีเต็ม รัฐบาลชุดนี้ได้รับแรงเสียดทานหนักจากฝ่ายตรงข้าม ไม่ว่าฝ่ายค้าน องค์กรอิสระและมวลชนต่อต้านนอกสภา จนทำให้ไม่สามารถเดินหน้านโยบายสำคัญใดๆ ได้
ล่าสุดพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ยังออกมาปูดถึงแผนล้มรัฐบาลวันที่ 8 ต.ค.
"ผมรู้ว่ามันคือวันอะไร ถือฤกษ์ ถือยามอะไร มันตลก ผมว่ามันไม่อยู่ในกติกา"
ก่อนสังคมจะมึนงงไปกว่านี้ ปรากฏว่านายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทยและแกนนำนปช. ได้ออกมาอธิบายขยายความว่า
เป็นความเชื่อของกลุ่มที่ต้องการ ล้มรัฐบาล ไปหาหมอดู บอกว่าวันที่ 8-9 ต.ค. เป็นช่วงดวงรัฐบาลกำลังตก ดวงอ่อนที่สุด
เมื่อเป็นดังนี้ แผนโค่นรัฐบาลจึงถูกกำหนดขึ้นเพื่อรองรับคำทำนาย
แผนแรกคือ ให้ป.ป.ช.ลงดาบเรื่องจำนำข้าว ควบคู่กับการปลุกปั่นม็อบสวนยาง ยั่วยุให้เกิดการปะทะล้มตาย เพื่อสร้างเงื่อนไขกล่าวหารัฐบาลสั่งฆ่าประชาชน
แล้วนัดชุมนุมใหญ่ขับไล่
แผนสองเชื่อมโยงกับแผนแรก เมื่อชาวนาและคนเสื้อแดงออกมาชุมนุมต่อต้านป.ป.ช. อีกฝ่ายหนึ่งก็จะปลุกคนของตนเองออกมาปะทะ
เพื่อสร้างเงื่อนไขให้ทหารเข้ามาแทรกแซง
หากล้มรัฐบาลได้ก็จะลากไปสู่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคเพื่อไทยรอบ 3 โดยยกการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ฝ่ายค้านยื่นคาไว้มาเป็นเหตุ
จากนี้ไปถึงวันที่ 8 ต.ค. เป็นช่วงที่สังคมต้องจับตาสถานการณ์ทางการเมืองว่าจะมีสิ่งใดนำไปสู่ความพลิกผันตามฤกษ์ยามดังกล่าวหรือไม่
จะชัวร์หรือแค่มั่วนิ่ม
ถึงแม้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ และพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะยืนยันตรงกันว่าขณะนี้ยังไม่มีปัจจัยใดทำให้ต้องยุบสภา
แต่การเมืองไทยความแน่นอนคือความไม่แน่นอน
ถึงที่สุดถ้าหากรัฐบาลโดนฝ่ายตรงข้ามลุยป่วนจนเดินหน้าทำงานต่อไปไม่ได้
ทุกอย่างไม่ว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โครงการ 2 ล้านล้าน หรือโครงการรับจำนำข้าว ต้องฝากโชคชะตาไว้กับองค์กรอิสระ
การยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชนตัดสินแทนองค์กรอิสระ
จึงเป็นทางออกหนึ่งตามวิถีประชาธิปไตยที่ประชาชนยอมรับได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น