ชาวนา อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก หันมาปลูกดอกเบญจมาศขายสลับกับการทำนา ใช้พื้นน้อย ได้ผลผลิตดีกำไรงาม เหตุต้นทุนไม่สูง-ไม่เสี่ยงเหมือนทำนา
4 ก.พ.57 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า มีเกษตรกรในพื้นที่ อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก หันมาปลูกดอกเบญจมาศแทนการทำนา เนื่องจากได้ผลผลิตดีมีกำไรงาม ไม่ต่างจากการทำนา และไม่ต้องรอเงินจากโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล
โดยนายละมาย นาคคงคำ อายุ 63 ปี และนางมณี นาคคงคำ อายุ
57 ปี อยู่บ้านเลขที่ 162 ม.2 บ้านพรหมพิราม อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก สองสามีภรรยา
เกษตรกรผู้ปลูกดอกเบญจมาศขาย กล่าวว่า
แต่ก่อนครอบครัวของตนเองมีอาชีพทำนาเหมือนกับเกษตรกรคนอื่นๆ ใน อ.พรหมพิราม
ซึ่งครอบครัวของตนทำนาทั้งหมด 24 ไร่ แต่เนื่องจากการทำนามีค่าใช้จ่ายสูง
ในเรื่องของค่าปุ๋ย ค่ายา ค่าเครื่องจักร และค่าแรงคนเป็นจำนวนมาก
ในหน้าแล้งต้องอาศัยน้ำในปริมาณที่เยอะสำหรับการเพาะปลูก
และยังมีปัญหาการจ่ายเงินล่าช้า จากโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล
จึงทดลองหันมาทำปลูกดอกเบญจมาศขาย ซึ่งปลูกสลับกับการทำนามาเป็นเวลาถึง 15 ปีแล้ว
โดยใช้แค่เนื้อที่ 1 ไร่ 2 งานเท่านั้น
"ส่วนการดูแลรักษาก็ง่ายเพียงแค่รดน้ำในตอนเช้าเท่านั้น
และใส่ปุ๋ยชีวภาพและปุ๋ยอินทรีย์ทั่วไป ที่หาได้ตามท้องตลาด
เมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยวจะมีพ่อค้าจากในเมืองมารับซื้อถึงที่ โดยขายเป็นดอก ดอกละ 2-3
บาท และขายเป็นกิโลกรัม กิโลกรัมละ 70 บาท
ซึ่งส่วนมากผู้ที่ซื้อไปจะนำไปใช้ในงานพิธีต่างๆ เช่น งานแต่ง งานศพ
หรือใช้ไหว้พระทำบุญในโอกาสต่างๆ อีกด้วย" นายละมาย กล่าว
นายละมาย
กล่าวต่อว่า สำหรับในปีนี้ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2556 ที่ผ่านมา
สภาพอากาศหนาวเย็นลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ดอกเบญจมาศออกดอกดีมีสีสวยงาม
และมีขนาดดอกที่โตกว่าปีก่อนๆ
สามารถสร้างรายได้ให้กับครอบครัวของตนเองอย่างเป็นกอบเป็นกำ ถึงเดือนละ 1
แสนบาททีเดียว ซึ่งหากเกษตรกรชาวนาที่สนใจและมีพื้นที่เพาะปลูก
จะหันมาปลูกดอกเบญจมาศสลับกับการทำนาในช่วงหน้าแล้ง ตนเองก็ยินดีให้คำปรึกษา
เพราะขณะนี้ดอกเบญจมาศกำลังเป็นที่ต้องการของท้องตลาดเป็นอย่างมาก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น