วันพุธที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ซีอีโอใหม่ไทยออยล์ลั่นขึ้นนำปิโตรเคมีดัน 4 ธุรกิจหลัก ยึดตลาดปิโตรเคมีเออีซี

updated: 18 มิ.ย. 2555 เวลา 08:29:52 น.

ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

ซีอีโอใหม่ไทยออยล์ "วีรศักดิ์ โฆสิตไพศาล" ผ่าแผนอนาคต 5 ปี ดัน 4 ธุรกิจหลัก ยึดตลาดปิโตรเคมี นำไทยครองผู้นำ "เออีซี" พร้อมเร่งขยายกำลังผลิต "พาราไซลีน-เบนซีน-แวกซ์-โซลเวนต์"

นายวีรศักดิ์ โฆสิตไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยภายหลังเข้ารับตำแหน่งซีอีโอได้ผ่านมาเดือนกว่าว่า เตรียมแผนลงทุน 5 ปีหน้า 2555-2559 จะใช้เงินรวม 1,845 ล้านเหรียญสหรัฐ แบ่งเป็นโครงการที่ผ่านการอนุมัติการลงทุนจากคณะกรรมการบริษัทแล้ว 989 ล้านเหรียญสหรัฐ และโครงการที่อยู่ระหว่างการศึกษาเพื่อนำเสนอให้คณะกรรมการบริษัทอนุมัติอีก 856 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งบริษัทจะแยกทำ 4 กลุ่มธุรกิจหลัก ประกอบด้วย โครงการแรก PX Upgrading หรือโครงการขยายกำลังการผลิตผลิตภัณฑ์พาราไซลีน เพิ่มจากปัจจุบันมีกำลังการผลิตปีละ 489,000 ตัน และอยู่ระหว่างขยายเป็นปีละ 550,000 ตัน โดยจะเดินเครื่องผลิตในเชิงพาณิชย์ได้ตั้งแต่สิงหาคมนี้เป็นต้นไป หากภาวะเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว ความต้องการผลิตภัณฑ์ชนิดนี้จะเพิ่มมากขึ้น



โครงการสอง Benzene Derivatives จะนำผลิตภัณฑ์เบนซีนที่เป็นผลพลอยได้จากผลิตภัณฑ์ (by product) โรงงานพาราไซลีนไปเพิ่มมูลค่า จะทำการผลิต Linear Alkyl Benzene หรือ LAB ซึ่งเป็นสารตั้งต้นของการผลิตผงซักฟอกและสบู่ ขณะนี้กำลังตัดสินรายละเอียดขั้นสุดท้าย และสรุปทั้งหมดภายในต้นปี 2556 จะใช้เงินลงทุนราว 218 ล้านเหรียญสหรัฐ หากไทยออยล์ตัดสินใจลงทุนโครงการนี้ จะเป็นผู้ผลิตรายแรกในภูมิภาคเข้ายึดหัวหาดตลาดอาเซียน

ปริมาณการผลิตภัณฑ์เบนซีนทำได้ปีละ 100,000 ตัน นำไปผสมกับผลิตภัณฑ์ Kerozene ปีละ 100,000 ตัน เพื่อเปลี่ยนเป็น LAB ส่วนกำลังการผลิตเบนซีนที่เหลืออีก 200,000 ตันต่อปี อยู่ระหว่างศึกษาว่าจะทำผลิตภัณฑ์ใดต่อเนื่องเพื่อสร้างมูลค่าได้ รูปแบบอาจจะลงทุนเองทั้งหมด หรือร่วมกับกลุ่มบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน)

โครงการสาม Lube Specialty-wax อยู่ระหว่างศึกษาการสร้างมูลค่าเพิ่มต่อเนื่องจากผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่น เพราะที่ผ่านมาได้ทำโครงการ Treated Distillate Aromatic Extract หรือ TDAE ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ยางสังเคราะห์จากโรงกลั่นน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐาน และส่งออกไปยังแถบยุโรป ทำให้รายได้เพิ่มขึ้นมาก

โครงการสี่ Solvent Expansion ขยายกำลังการผลิตของโรงงาน บริษัท ศักดิ์ไชยสิทธิ์ จำกัด ที่ไทยออยล์ถือหุ้น 98%

ช่วงปี 2556-2557 มีแผนขยายกำลังการผลิตโซลเวนต์จากปัจจุบันปีละ 100,00 ตัน เป็น 180,000 ตัน เพื่อส่งออกไปตลาดที่มีความต้องการเพิ่ม คือจีน ลาว เวียดนาม และกัมพูชา

"คาดว่าแผนการลงทุนดังกล่าวจากผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่แล้วมีกำไรขั้นต้นเฉลี่ยทุกผลิตภัณฑ์ (Gross Integrated Margin หรือ GIM) เพิ่มขึ้นได้ 7-8 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่ GRM หรือ Gross Refinery Margin เฉลี่ย 4-5 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ปีนี้จะไม่ปิดซ่อมบำรุงใหญ่ แต่ปี 2556 มีแผนจะปิดซ่อมบำรุงใหญ่อีกครั้งหนึ่งในช่วงไตรมาส 2"

นายวีรศักดิ์กล่าวว่า แผนเตรียมตัวสู่การเปิดประชาคมเศรษฐกิจ (AEC)

ไทยออยล์ได้เปรียบมาก โดยจะใช้ประสบการณ์การทำงานมากว่า 50 ปี และการแข่งขันลงทุนด้านพลังงานในกลุ่มอาเซียน ด้วยการนำธุรกิจหลักเข้าไปช่วยพัฒนาประเทศนั้น ๆ ด้านการขยาย

กองเรือขนถ่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและปิโตรเคมี เพื่อรองรับการขนถ่ายสินค้าไทยออยล์เอง และให้บริการกลุ่ม ปตท. ปัจจุบันไทยออยล์มีเรือ VLCC อยู่ 1 ลำ อนาคตจะเพิ่มอีก 3 ลำ เชื่อมโยงเครือข่ายโลจิสติกส์ในกลุ่มสมาชิกเออีซีได้สะดวกมากยิ่งขึ้น

มุ่งเน้นขยายการลงทุนก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคเพิ่มเติมเช่น ท่อ ถัง คลังเก็บผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ รองรับผลิตภัณฑ์อนาคตที่จะเพิ่มขึ้น และการเข้าไปให้บริการให้คำแนะนำเกี่ยวกับการทำธุรกิจโรงกลั่นน้ำมัน ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี ขณะนี้เจรจากับบริษัท Pertamina จำกัด ของอินโดนีเซีย รวมถึงได้เข้าไปดูลู่ทางลงทุนในพม่า เป็นประเทศที่น่าสนใจมาก เพราะเพิ่งจะเริ่มเปิด ทางกลุ่ม ปตท.อยู่ในระหว่างตั้งทีมงานศึกษาการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ ทั้งในพม่าและกลุ่มประเทศอาเซียน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น