วันอังคารที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555
น้ำหอมที่คุณใช้..เป็นพิษหรือเปล่า?
น้ำหอมกับผู้หญิงนั้นถือเป็นของคู่กัน เพราะน้ำหอมนั้นถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่นอกจากช่วยเสริมสร้างเสน่ห์ ยังสามารถบ่งบอกถึงบุคลิกจากกลิ่นที่คุณสาว ๆ เลือกใช้ ได้พอ ๆ กับการแต่งกายด้วยเสื้อผ้าหรูหรา และแม้ว่าในปัจจุบันจะมีคำเตือนเกี่ยวกับน้ำหอมที่เราใช้นั้น อาจปนเปื้อนไปด้วยสารเคมี หรือสารสังเคราะห์ที่อาจเป็นอันตรายต่อผู้ใช้ เนื่องจากวัตถุดิบจากธรรมชาติที่นำมาผลิตน้ำหอมนั้นค่อนข้างหายาก ประกอบกับองค์การอาหารและยาไม่ได้กำหนดให้บริษัทผู้ผลิตน้ำหอม ใช้ส่วนผสมในน้ำหอมเป็นรายการเดียวกันทั้งหมด ดังนั้นเพื่อเป็นการช่วยให้คุณสาว ๆ รู้จักพิษภัยจากน้ำหอมขวดโปรดนั้น มีคำแนะนำดี ๆ ในการเลือกน้ำหอมอย่างถูกวิธีมาฝากกัน
เริ่มกันที่น้ำหอมที่มีส่วนประกอบของ "สารพทาเลท, สารพาราเบน, โพลีไซคลิก/ไนโตรมาร์ค" นั้น กล่าวกันว่า สามารถกระตุ้นการเกิดโรคมะเร็งเต้านมได้หากคุณใช้เป็นเวลานาน ๆ เพราะเมื่อใดก็ตามที่สารพทาเลทและสารพาราเบนผสมอยู่ในน้ำหอม รวมไปถึงผลิตภัณฑ์สินค้าสำหรับความงามอื่น ๆ เช่น ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว และยาทาเล็บนั้น คุณสมบัติหลัก ๆ ของสารดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นการสร้างความยืดหยุ่น หรือสารกันบูด ช่วยให้กลิ่นหอมคงทน จะคงประสิทธิภาพอยู่ในผลิตภัณฑ์เพื่อความงาม รวมถึงผิวของคุณ ตราบเท่าอายุการใช้งานของสารอันตรายเหล่านี้
อย่างไรก็ตาม สารที่ขึ้นต้นด้วยตัว P ทั้ง 3 ชนิดนี้ ถูกแสดงให้เห็นว่า มันส่งผลกระทบต่อระบบฮอร์โมนในร่างกาย และรบกวนการผลิตฮอร์โมนตามธรรมชาติ และสร้างความไม่สมดุลในร่างกายของคุณ และจากการวิจัยยังชี้ให้เห็นว่าการใช้ชะมดสังเคราะห์ หรือสารโพลีไซคลิก/ไนโตรมาร์คนั้น มีข้อเสียในแง่ของการเป็นพิษต่อร่างกาย เนื่องจากพบว่าสารสังเคราะห์ชะมดมีความเป็นพิษรุนแรงมากกว่าสารพิษชนิดอื่น ๆ และสารดังกล่าวอาจทำให้เซลล์ในร่างกายเสียหายมากขึ้น
ในอดีตที่ผ่านมาสารทั้ง 3 ชนิดนี้ กลุ่มของนักวิทยาศาสตร์ระบุว่ามีความปลอดภัย แต่เนื่องจากพวกมันถูกนำไปใช้ในเกือบทุกผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นผงซักฟอก ผลิตขวดน้ำพลาสติก ผลิตภัณฑ์ชำระล้างร่างกาย รวมถึงเทียนไข จากสิ่งที่ติดตามร่างกายในปริมาณที่น้อย แต่หากใช้บ่อย ๆ อาจก่อให้เกิดการสะสมสารเหล่านี้ได้ ดังนั้นทางเลือกที่ดีคือการใช้ให้น้อยที่สุด หรือเลือกใช้น้ำหอมที่สกัดจากธรรมชาติจะดีที่สุด
รองลงมาเป็นน้ำหอมที่สกัดจาก "ธรรมชาติ และสารอินทรีย์" เช่น มะกรูด ดอกพุด ดอกมะลิ ดอกกุหลาบ ดอกไม้สีส้ม เครื่องเทศ และวนิลา ลาเวนเดอร์ ที่นับเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่รักสุขภาพ และต้องการหลีกให้ไกลจากยาฆ่าแมลงและสารปนเปื้อน ที่อาจก่อให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บได้ นายแดนนี ซีโร ผู้เชี่ยวชาญด้านนิเวศวิทยา ในรัฐเพนซิลเวเนีย ได้อธิบายว่า
"การเลือกกลิ่นหอมจากธรรมชาติหรือสารอินทรีย์ เช่น ลาเวนเดอร์ กลีบกุหลาบ และกลิ่นวนิลานั้น หมายความว่าคุณมีแนวโน้มที่จะหลีกเลี่ยงอัตราที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ หรือความอ่อนแอที่เกิดจากสารเคมีลงได้" เนื่องจากน้ำหอมเหล่านี้สกัดได้จากโมเลกุลของพืชที่มาจากธรรมชาติ และไม่ได้ใช้ยาฆ่าแมลง และที่สำคัญในน้ำหอมเหล่านี้ยังมีแอลกอฮอล์ที่ได้จากการหมักเมล็ดธัญพืชตาม ธรรมชาติ จึงไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองหรืออาการแพ้แต่อย่างใด จึงอาจกล่าวได้ว่า น้ำหอมที่สกัดจากธรรมชาติและสารอินทรีย์นั้น เป็นน้ำหอมที่อยู่แถวหน้าของน้ำหอมในท้องตลาดทั่วไป จึงนับเป็นหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ใส่ใจในการดูแลสุขภาพ
ส่วนที่ยังลังเลระหว่างการเลือก "น้ำมันหอมระเหย และ "สารเคมีสังเคราะห์" นั้น ลองตัดสินใจจากคำแนะนำต่อไปนี้ แม้สารเคมีสังเคราะห์จะมีประโยชน์ ในแง่ของการใช้ทดแทนกลิ่นหอมบางชนิดที่ไม่สามารถกลั่นเป็นน้ำมันหอมระเหยได้ แต่การเพิ่มหมายเหตุว่าน้ำหอมดังกล่าวไม่ได้สกัดจากธรรมชาติ หรือมีส่วนผสมของสารเคมีสังเคราะห์ ก็ถือได้ว่าเป็นคำเตือนให้กับผู้บริโภคปลอดภัยจากการชะโลมน้ำหอมได้ทางหนึ่ง โดยเฉพาะสารสังเคราะห์จำพวกปิโตรเลียมเคมี สารพทาเลท สารพาราเบน สารฟีนอล ฯลฯ ที่ก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้ โรคหอบหืด การหายใจดังเสียงฮืด ๆ ปวดศีรษะ และโรคผิวหนังที่สามารถติดต่อได้
ดังนั้นการเลือกน้ำหอมที่มีส่วนผสมของ น้ำมันหอมระเหยที่ได้มาจากกระบวนการที่เรียกกันว่า การกลั่นไอน้ำ โดยเลือกใช้ใบ ลำต้น ดอก หรือเปลือกของพืชนั้น น้ำมันหอมระเหยกลิ่นที่คุณชอบจะช่วยสร้างความสดชื่นให้กับร่างกายของคุณได้
อย่างไรก็ตามมีข้อควรระวังว่า แร่ธาตุที่ได้จากธรรมชาตินั้นสามารถก่อให้เกิดอันตรายและอาการระคายเคืองได้ โดยเฉพาะผู้ที่มีอาการภูมิแพ้ที่รุนแรง
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น