วันเสาร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ชาวบ้าน 4 จว.จี้เลิกป่าสงวน-ขอใช้ทำกิน ผู้ว่าฯ พิษณุโลกนำสื่อบินพิสูจน์เจอรุกป่าอื้อ

พิษณุโลก - ชาวเมืองเลย คนบ้าน รมต.กระทรวงทรัพย์ พร้อมชาวบ้าน 4 จังหวัด กว่า 200 คน บุกศาลากลางพิษณุโลก ร้องขอที่ดินทำกินในเขตป่าสงวนฯ ยื่น 4 เงื่อนไข ขณะที่ผู้ว่าฯ พานักข่าวบินดู ก่อนฟันธง “เป็นป่าไม่เสื่อมโทรม” ถ้าม้งชาติตระการเรียกร้อง ไม่อนุมัติแน่
       
       รายงานข่าวจากจังหวัดพิษณุโลก แจ้งว่า ชาวบ้านหมู่ 4 ต.นาจาน อ.ชาติตระการ และชาวบ้าน อ.นครไทย จ.พิษณุโลก จ.หนองบัวลำภู จ.เพชรบูรณ์ และ จ.เลย รวมประมาณ 200 คน ได้พากันนั่งรถยนต์กระบะกว่า 30 คัน จากหน้าอำเภอนครไทย ไปชุมนุมที่ศาลากลางจังหวัดพิษณุโลกวานนี้ (22 ก.พ.) โดยมีแกนนำสำคัญ คือ นายแสงจันทร์ ศรีพลเมือง อดีต ส.จ.นาด้วง จ.เลย ที่ระดมพลเพื่อเรียกร้องสิทธิครอบครองที่ดินทำกินในเขต อ.นครไทย จ.พิษณุโลก
       

       กลุ่มชาวบ้านได้ยื่นเงื่อนไข 4 ข้อ คือ 1.ให้กรมป่าไม้ขยับเขตพื้นที่ป่าอนุรักษ์และป่าสงวน ออกไปข้างละ 100 เมตร จากหลักเดิมเพื่อให้ราษฎรทำกิน 2.ขอพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม หรือป่าสงวน ให้เกษตรกรทำกิน 3.ให้เกษตรกรร่วมกับรัฐสำรวจป่าสงวนเสื่อมโทรม จัดตั้งคณะกรรมการเพื่อจัดสรรที่ดินทำกินแก่เกษตรกร 4.ขอให้รัฐยกเลิกเขตป่าสงวน บริเวณพื้นที่อยู่อาศัยทุกหมู่บ้าน ทุกตำบล ของพื้นที่จังหวัดพิษณุโลกต่อผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก
       
       นายแสงจันทร์ ศรีพลเมือง อดีต ส.จ.นาด้วง จ.เลย กล่าวว่า เรามาชุมนุมประท้วงเพื่อขอคำตอบตามเงื่อนไข 4 ข้อที่ขอไป อยากทราบคำตอบที่น่าเชื่อถือได้ ถ้าหากรัฐไม่ทำตามเงื่อนไขเหตุการณ์คงจะต้องปานปลาย เพราะที่ดินจังหวัดเลยกว่าครึ่งเป็นป่าสงวนทั้งหมด พิษณุโลกซีกนั้น (นครไทย) ก็เป็นป่าสงวนทั้งหมด เราขอเพียงว่า ให้ผู้ว่าฯ เสนอคณะรัฐมนตรี ยกเลิกป่าสงวนออกจากพื้นที่อยู่อาศัย และออกเอกสารสิทธิให้ เพื่อนำไปจำนำขอกู้เงินในระบบรัฐบาล
       
       “หมู่บ้านหลายแห่งตั้งมาก่อนปี 2500 มีทั้งถนน ผู้ใหญ่บ้าน และ อบต.ถ้ารัฐทำไม่ได้ ก็ต้องยกเลิกหมู่บ้านไปเลย ไล่ชาวบ้านออกจากป่าไปเลย ส่วนกรณีที่เจ้าหน้าที่รัฐบอกว่า ป่าอนุรักษ์ สงวนไว้ดูแลรักษา แต่จริงๆ แล้วเป็นป่าหัวโกร๋นหมดแล้ว เขาบอกว่า ทำกินไม่ได้ แต่นายทุนกลับเข้าไปทำเป็นหมื่นๆ ไร่ พอชาวบ้านไปทำกลับถูกจับ พวกเราทำกินไม่ได้ ทำอย่างนี้เราน้อยใจ” แกนนำกล่าว
       
       ต่อมา นายเจน รัตนพิเชฏฐชัย รองผู้ว่าฯ พิษณุโลก ได้สั่งการให้ตำรวจ และป้องกันจังหวัดลงมารับหนังสือ และพาแกนนำประมาณ 3 คน ชี้แจงปัญหา และข้อเรียกร้อง ขณะที่กลุ่มชาวบ้านที่เหลือยังคงปักหลักรอคำตอบอยู่หน้าศาลากลาง โดยมีกำลังตำรวจจาก สภ.เมืองพิษณุโลก ไม่ต่ำกว่า 50 นาย ดูแลความสงบ
       
       หลังจากแกนนำขึ้นเจรจากับนายเจน รัตนพิเชฏฐชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ที่รับปากว่าจะนำปัญหา และข้อเรียกร้องเสนอต่อกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ต่อไป ทำให้แกนนำผู้ชุมนุมนำข้อสัญญาที่ได้จากรองผู้ว่าฯ พิษณุโลก แจ้งต่อผู้ชุมนุมว่า หากรัฐไม่ทำตามสัญญาจะต้องถือค้อน และไม้ต่อสู้กับเจ้าหน้าที่รัฐต่อไป พร้อมกับได้สลายตัวเดินทางกลับภูมิลำเนาในเวลาประมาณ 19.30 น. วันเดียวกัน
       
       อย่างไรก็ตาม ขณะที่กลุ่มชาวบ้านจาก 4 จังหวัดดังกล่าวได้ชุมนุมกันอยู่นั้น นายปรีชา เรืองจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ก็ได้พานักข่าวขึ้นเครื่องบินของกระทรวงเกษตรฯ บินสำรวจพื้นที่ป่าไม้ที่กำลังถูกบุกรุกแผ้วถาง และเผาป่า ในพื้นที่ อ.วังทอง อ.นครไทย และ อ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก โดยเฉพาะบริเวณรอยต่อระหว่างบ้านห้วยเฮี้ย อ.นครไทย จ.พิษณุโลก และบ้านห้วยน้ำขาว อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ และบริเวณรอยต่อระหว่างภูเมี่ยง-ภูขัด อ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก และ อ.ด่านซ้าย จ.เลย ซึ่งได้รับรายงานว่า มีการบุกรุกป่าแผ้วถาง เผาป่า เพื่อเป็นที่ทำกินของชาวไทยภูเขากันจำนวนมาก
       
       หลังจากบินสำรวจ นายปรีชากล่าวย้ำว่า ยังมีผู้บุกรุกพื้นที่ป่าเพื่อทำกินกันหลายพันไร่อยู่
       
       อีกทั้งยังมีการแผ้วถาง-เผาป่าหลายจุด โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.ชาติตระการ อ.วังทอง ส่วนปัญหาพื้นที่ทำกินที่ชาวเขาเผ่าม้ง อ.ชาติตระการ ออกมาเรียกร้องต้องการพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมมาทำเป็นพื้นที่ทำกิน จากการสำรวจพบว่า พื้นที่ดังกล่าวยังไม่อยู่ในข่ายป่าเสื่อมโทรม สภาพยังสามารถดูแล และฟื้นฟูได้
       
       “หากมีการร้องขอยกเลิกป่าเสื่อมโทรมตนก็ยังไม่อนุมัติแน่นอน”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น